หนุ่มโคราชปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ทีโอทีลอบตัดสายเคเบิ้ลขาย

นครราชสีมา- หนุ่มโคราชปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ทีโอทีตระเวนตัดสายเคเบิ้ลขายพลเมืองดีจับพิรุธได้แจ้งตำรวจจับ ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งหนีลอยนวล

เมื่อวันที่ 27เม.ย.61 พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.ประทาย ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายวัชระ กล้าหาญ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 133/3 หมู่ที่ 15 ต.นิคมสร้างตนเอง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา คนร้ายก่อเหตุลักลอบตัดสายเคเบิ้ลของบริษัททีโอที พร้อมของกลางประกอบด้วย รถกระบะอีซูซุ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 ฒท598  กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน, คีมที่ใช้ในการตัดสายเคเบิ้ล จำนวน 3 อัน, มีดพร้า จำนวน 1 เล่ม, ขวาน จำนวน 1 เล่ม บันไดไม้ไผ่ จำนวน 1 อัน และสายเคเบิ้ล ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 ซม. ที่ถูกตัดเป็นท่อนๆ จำนวน 120 ท่อน วัดความยาวรวมกันได้ประมาณ 216 เมตร

พล.ต.ต.วัชรินทร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เมษายนเวลาประมาณ 14.00 น.พลเมืองดีในซอยเทศบาล 8 ต.ประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา แจ้งว่าพบบุคคล 2 คน ซึ่งทำทีว่าเป็นพนักงานของบริษัททีโอทีได้กำลังลากสายเคเบิ้ลโทรศัพท์ที่อยู่ตามเสาไฟฟ้า มาตัดเป็นท่อนๆ สงสัยว่าอาจจะเป็นคนร้ายลักลอบตัดสายเคเบิ้ลไปขาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประทายจึงได้เดินทางไปที่เกิดเหตุพบกับนายวัชระกำลังยืนตัดสายเคเบิ้ลอยู่ท้ายรถกระบะ โดยมีอุปกรณ์ตัดสายเคเบิ้ลต่างๆ อยู่จำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ขอดูหลักฐานการเป็นพนักงานของบริษัททีโอทีแต่ปรากฏว่าไม่มีหลักฐาน จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม และรับสารภาพว่าได้ร่วมกับพวกที่หลบหนีไปอีก 1 คน (อยู่ระหว่างขยายผลจับกุม) ลักลอบตัดสายเคเบิ้ลเหล่านี้ เพื่อที่จะนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าแต่อ้างว่าเพิ่งทำเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะพฤติกรรมมีลักษณะเป็นมืออาชีพมากซึ่งจะได้ทำการสืบสวนเพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายเอกวิทย์ สุวรรณวงศ์ ผู้ช่วยโทรศัพท์จังหวัดนครราชสีมา บริษัททีโอที จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เหตุการณ์คนร้ายลักลอบตัดสายเคเบิ้ลในครั้งนี้ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 60,000 บาท และมีเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกตัดขาดในพื้นที่ อ.ประทาย จำนวนกว่า 300 เลขหมาย ซึ่งจะใช้การโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตไม่ได้ในช่วงนี้ โดยบริษัทฯ กำลังเร่งทำการต่อสายให้แล้วเสร็จภายใน 2 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ในพื้นที่ อ.ประทาย เคยเกิดเหตุการณ์คนร้ายลักลอบตัดสายเคเบิ้ลมาแล้ว2 ครั้ง มูลค่าความเสียหายมากกว่า 500,000 บาท คาดว่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันนี้ จึงขอบคุณพลเมืองดีที่ช่วยแจ้งเบาะแสจนสามารถจับคนร้ายได้ในที่สุด.