posttoday

จับตัวการใหญ่ชาวไทยร่วมขบวนการต้มตุ๋นแชร์ข้ามชาติ สูญ 1.7 พันล้าน

15 ธันวาคม 2560

ดีเอสไอ บุกจับตัวการใหญ่ชาวไทย ร่วมขบวนการต้มตุ๋นแชร์ข้ามชาติ โฆษณาผ่านสื่อดัง cnn เสียหาย 1.7 พันล้านบาท

ดีเอสไอ บุกจับตัวการใหญ่ชาวไทย ร่วมขบวนการต้มตุ๋นแชร์ข้ามชาติ โฆษณาผ่านสื่อดัง cnn  เสียหาย 1.7 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผอ.กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ  ร.ต.อ.ทินวุฒิ สีละพัฒน์ ผอ.ส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ 1 ร่วมแถลงผลจับกุมขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติหลังบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด กับพวก  หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มูลค่าความเสียหาย 1,700 ล้านบาท

พ.ต.อ. ทรงศักดิ์ กล่าวว่า ดีเอสไอ ดำเนินการสืบสวนสอบสวน บริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งพบว่ามีพฤติการณ์เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากเดินทางมาร้องเรียนบริษัทดังกล่าวหลังหลอกลวงให้ร่วมลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 1,000 ราย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับบุคคลชาวไทยและต่างชาติ รวม 10 ราย ประกอบด้วย ชาวต่างชาติ 8 ราย และชาวไทย 2 ราย คือ นายรัฐเขต ฉายารัตน และนางกนกกุล พรอภิโชติ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ , ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556 มาตรา 5 พ.ร.ก.การกู้ยืมเงิน ที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ประกอบมาตรา 83 และ ศาลอาญายังได้ออกหมายค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

"ต่อมา เมื่อวันที่ 12 และ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังกับ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ สำนักงาน ปปง. ติดตามจับกุม นายรัฐเขต และ นางกนกกุล พร้อมเข้าตรวจค้นสถานที่ทั้งสิ้น 8 แห่ง อาทิ คอนโดลุมพินี เมกะซิตี้ บางนา 1 ห้อง , คอนโดศุภาลัย ศรีนครินทร์ 3 ห้อง , คอนโดศุภาลัย มาเร่ย์ พัทยา 1 ห้อง , บ้านพักในจังหวัดแพร่ 2 หลัง และ อาคารพาณิชย์ในจังหวัดแพร่ 2 คูหา ผลการตรวจค้น พบเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว พร้อมสามารถตรวจยึดทรัพย์สินมีค่าได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผล"

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวเข้ามาในไทยปี 2559 และไม่ได้จดทะเบียนประกอบกิจการในประเทศไทย โดยพฤติกรรมเป็นกลุ่มต่างชาติที่หลอกให้คนซื้อหุ้น ในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เป็นการหาแม่ข่ายและลูกข่ายต่อยอดกันไป โดยระบุเป็นการนำเงินมาลงทุนไปซื้อซื้อขายดัชนีหุ้นต่างประเทศเพื่อทำกำไร อ้างว่าเงินลงทุนยังคงอยู่ ไม่หายไปและผลตอบแทนกลับคืนจะได้มากกว่า 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมทั้งยังสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการจัดทำเว็บไซต์แสดงว่าเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก มีการจัดบรรยายตามโรงแรมหรูต่าง ๆ ทั้ง ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินที่มีชื่อเสียง นับเป็นการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และ ยังออกสื่อทั้งโทรทัศน์ เช่น CNN และหนังสือพิมพ์

"จากการตรวจสอบยังพบว่าขบวนการดังกล่าวจะให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีของกลุ่มโพยก๊วน(โพย-ก๊วน) ซึ่งเป็นขบวนการเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและอยู่นอกประเทศ ขณะเดียวกันจะนำเงินไปฟอกเพื่อหลบหนีการยึดทรัพย์ของเจ้าหน้าที่ โดยทาง ดีเอสไอ กำลังเร่งติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับที่เหลือและเร่งขยายผลไปยังเครือข่ายต่อไป" พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว