ตำรวจเผยภาพสเก็ตช์คนร้ายฆ่ายกครัว8ศพกระบี่

กระบี่-ตำรวจสอบสวนพยานผู้รอดชีวิตคดีคนร้ายฆ่าโหด8ศพที่กระบี่จนนำไปสู่การภาพสเก็ตช์คนร้ายได้แล้วเป็นชายสวมหมวก1คน

เมื่อวันที่ 12ก.ค. เวลา 09.00 น. นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้เรียกฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุฆ่านายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลบ้านกลาง อำเภออ่าวลึก พร้อมคนในครอบครัว เสียชีวิต 8 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีก 3 คน โดยเฉพาะเรื่องวางมาตรการ เรื่องการคุ้มครองพยานที่รอดชีวิต พร้อมกำชับให้ดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้งในและนอกบริเวณโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งที่พยานรักษาตัวอยู่

นอกจากนี้ จะให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เข้าช่วยเหลือในเรื่องของการเยียวยาจิตใจ ซึ่งในกรณีที่เหยื่อเป็นเด็กนั้นต้องมีทีมงานจิตแพทย์ให้คำแนะนำในเรื่องของจิตใจ

ขณะที่การสืบสวน ทางตำรวจได้ประสานไปยังจังหวัดพังงา ตรัง นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี ในการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่คาดว่าคนร้าย จะใช้เส้นทางในการหลบหนี พร้อมทั้งไปประสานขอกำลังสุนัขตำรวจจากตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 เพื่อเข้าไปตรวจสอบหลักฐานบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00น. พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.5บก.ป. ลงพื้นที่ในละแวกใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงบ้านที่เกิดเหตุของ นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ผู้เสียชีวิต โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เฝ้าสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่บ้าน โดยกั้นไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อรอตรวจสอบรอบตัวบ้านอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) จะเข้ามาตรวจหลักฐานอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า บ้านที่อยู่ในละแวกเดียวกันกับ นายวรยุทธ นั้น ส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องกัน แต่ตอนที่เกิดเหตุไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงปืนและเสียงรถแต่อย่างไร ถึงแม้ตัวบ้านจะอยู่ห่างกันไม่กี่สิบเมตร เนื่องจากบ้านที่เกิดเหตุติดกระจกรอบบ้าน

ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และชุดสืบสวนตำรวจภูธรอ่าวลึก รวมทั้งชุดสืบสวนกลาง ได้ทำการสอบสวนผู้รอดชีวิตจนสามารถสเก็ตช์ภาพคนร้ายได้แล้วโดยเป็นชายสวมหมวก 1 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างนำใบหน้าในภาพสเก็ตช์ไปเทียบทะเบียนประวัติอาชญากร เพื่อหาตัวว่าเป็นใคร พร้อมออกหมายจับตามขั้นตอน และขยายผลติดตามผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมดต่อไป