เปิดร่างกม.ยุทธศาสตร์ ตีกรอบอนาคต 20 ปี
กระบวนการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ชาติ” เริ่มต้นเดินหน้าอย่างเป็นทางการท่ามกลางการจับตาจากสังคมถึงผลพวงที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
กระบวนการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ชาติ” เริ่มต้นเดินหน้าอย่างเป็นทางการ เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเอกฉันท์ 218 เสียง เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ รอประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ท่ามกลางการจับตาจากสังคมถึงผลพวงที่กำลังจะเกิดขึ้นจากกฎหมายฉบับนี้
โดยเฉพาะข้อกังขาเรื่องการตีกรอบแนวนโยบายล็อกรัฐบาลที่จะมาหลังการเลือกตั้งต้องนำไปปฏิบัติอย่างไม่อาจบิดพลิ้ว หรือคิดนโยบายที่ขัดแย้งกับกรอบยุทธศาสตร์ที่วางแผนไว้ 20 ปี ยังไม่รวมประเด็นการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ดังจะเห็นจากการกำหนดคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่นายกฯ มอบหมายเป็นรองประธาน และมีกรรมการ ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานสภาเกษตรแห่งชาติ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกิน 17 คน
พอเข้าใจได้กับสัดส่วนของฝ่ายบริหาร ทั้งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ที่เข้ามารับหน้าที่เพื่อความต่อเนื่อง แต่ในส่วนผู้บัญชาการเหล่าทัพ ที่ตั้งขึ้นมาควบคุมทิศทางการบริหารประเทศในอนาคต ทำให้เกิดคำถามตามมาถึงบทบาทหน้าที่ของกองทัพหลังการเลือกตั้ง
ยิ่งหากพิจารณาอำนาจหน้าที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ไม่เพียงแค่จัดทำร่างยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเท่านั้น แต่สามารถเสนอความเห็นต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ กำกับดูแลการปฏิรูปประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
มาตรา 5 กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่างๆ ให้สอดคล้องและบูรณาการกัน อันจะก่อให้เกิดเป็นแรงผลักดันร่วมกันไปสู่เป้าหมาย ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่า 20 ปี
การกำหนดนโยบายบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติและแผนอื่นใด รวมตลอดทั้งการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติต้องคำนึงถึงผลประโยชน์แห่งชาติ ความต้องการและความจำเป็นในการพัฒนาประเทศให้สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล และเป้าหมายการปฏิรูปประเทศตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
ทั้งนี้ กำหนดให้ดำเนินการตามกระบวนการ มีการใช้ข้อมูลความรู้ที่เกิดจากการศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ วิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอย่างรอบด้าน ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ จุดแข็งจุดอ่อนโอกาสและข้อจำกัด รวมทั้งความเสี่ยงของประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศต่อการเปลี่ยนแปลง
ให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมายการจัดทำยุทธศาสตร์ รวมทั้งสร้างการรับรู้ความเข้าใจ ความเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์ร่วมกัน
หรือการกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาว ต้องมีความชัดเจนเพื่อให้เห็นภาพในอนาคตของประเทศโดยเป็นกรอบกว้างที่ยืดหยุ่นตามการเปลี่ยนแปลงของโลก
ที่สำคัญมีการกำหนดกรอบการติดตามผลการดำเนินการ โดยมาตรา 25 ระบุว่า ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ดำเนินการตามมาตรา 26 โดยไม่มีเหตุอันสมควรให้สภาผู้แทนราษฎร หรือสภามีมติส่งเรื่องให้ทางกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาดำเนินการกับหัวหน้าหน่วยงานของรัฐนั้นตามอำนาจ หน้าที่ และให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา สั่งให้ผู้นั้นรับราชการหรือพักงาน หรือสั่งให้ออกจากราชการ หรือออกจากงานไว้ก่อนโดยสั่งให้พ้นจากตำแหน่งต่อไป
มาตรา 26 ในกรณีที่ความปรากฏต่อจากคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติว่าการดำเนินการใดของหน่วยงานของรัฐไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติหรือแผนแม่บท ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติแจ้งให้หน่วยงานของรัฐทราบถึงความไม่สอดคล้อง และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุง และเมื่อหน่วยงานของรัฐดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกระบวนการใดแล้ว ให้แจ้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติภายใน 60 วัน
ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ดำเนินการแก้ไขปรับปรุง หรือไม่แจ้งการดำเนินการให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติทราบภายในกำหนด ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติรายงานให้คณะกรรมการทราบ เพื่อพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและสั่งการต่อไป


