posttoday

เส้นทางสายไหมใหม่

27 พฤษภาคม 2560

โครงการ One Belt, One Road (OBOR) เป็นการทำงานใหญ่ของจีนอย่างมีจินตนาการและเป็นระบบอย่างยิ่ง  

โครงการ One Belt, One Road (OBOR) เป็นการทำงานใหญ่ของจีนอย่างมีจินตนาการและเป็นระบบอย่างยิ่ง  

ที่จีนจัดการประชุม OBOR ในปักกิ่งเมื่อวันที่ 14-15 ที่ผ่านมานี้ ความจริงนั้นจีนได้วางแผนทำเรื่องนี้ ที่มีขั้นตอนและได้ลงมือทำหลายอย่างไปล่วงหน้าตั้งนานแล้ว

จีนเอาจริงเอาจังกับงานนี้มาก จีนโน้มน้าวให้ประเทศต่างๆ เข้ามาร่วมมือกันในภาคี OBOR และแสดงให้เห็นภาพชัดเจนว่า

ใครเข้ามาร่วมในโครงการนี้ต่างก็ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ได้...(แต่ประเทศที่ได้มากที่สุดนั้นแน่นอนว่าเป็นจีน)

ใครเพิ่งจะมาคิดทำโครงการทำนองนี้ก็ตามจีนไม่ทันและไม่มีศักยภาพเท่าจีนหรอก   

เมื่อพูดถึงเส้นทางสายไหม ขอเท้าความกลับไปถึงเส้นทางสายไหมในอดีตสักหน่อยเพราะคนมักจะนึกถึงเส้นทางสายนี้แบบกึ่งจริงกึ่งฝัน   

ความจริงแล้วในอดีตที่ไม่ได้มีคำเรียกเส้นทางเส้นนี้ว่า Silk Road ค่ะ แต่เรียกเป็นชื่อโน่นนี่ตามภาษาท้องถิ่นต่อกันไปเป็นช่วงๆ

แต่เมื่อร้อยกว่าปีมานี้ นักเดินทางเยอรมันคนหนึ่งเริ่มเรียกถนนสายนี้ว่า “Seidenstraßen” ซึ่งแปลว่า Silk Road หรือ Silk Route หรือ “ถนนสายไหม”

อันเนื่องมาจากเป็นถนนที่คนยุโรปและเอเชียใช้ค้าขายระหว่างกันมานานกว่า 600 ปีก่อนคริสต์ศักราชและพบหลักฐานซากคนยุโรป 2 คนในเส้นทางสายนี้ ซึ่งอาจมาค้าขาย หรือถูกจับมาเป็นทาสหรือเชลย แล้วมาเสียชีวิตกลายเป็นมัมมี่อยู่ในเส้นทางนี้ในจีน

จีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ราว 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ได้ขยายพื้นที่จีนไปทางตะวันตกและเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โรมขยายพื้นที่เข้ามาในเอเชีย

พวกโรมันจึงได้รู้จักและชื่นชอบผ้าไหมจากเอเชีย ส่งคนมาในเส้นทางนี้เพื่อค้นหา “คนทำไหม”

แต่ก็ล้มเหลว เพราะพ่อค้ารับผ้าไหมมาหลายทอด ทำให้ไม่อาจรู้ที่ผลิตที่แน่นอนได้และ Silk Road ไม่ได้เป็นเส้นทางเพียงสายเดียว แต่กลับเป็นเส้นทางแยกย่อยไปมากมาย

  Silk Road ที่เชื่อมระหว่างจีนกับยุโรปต้องผ่านเทือกเขาสูง ช่องเขาที่หิมะปิดเส้นทางตอนหน้าหนาว เมื่อผ่านออกไปก็มีทั้งทะเลทราย ความกันดาร แต่หลายพื้นที่ก็มีธรรมชาติงามประทับใจ

เส้นทางสายไหมทางบกลดบทบาทลงไปเมื่อโปรตุเกสพบเส้นทางเดินเรือจากยุโรปมาเอเชียราว 500 กว่าปีมานี้ ทำให้เส้นทางการค้า ยุโรป-เอเชีย ย้ายลงไปในทะเลแทน

กลายเป็น ...เส้นทางสายไหมทางทะเล

มันทำให้เมืองคอนสแตนติโนเปิลและเวนิสจบความยิ่งใหญ่ทางการค้าลงทันที

และเส้นทางสายไหมบนบกก็กลายเป็นตำนาน ที่เหมือนกับเป็นเรื่องกึ่งจริงกึ่งฝัน

แต่ในความเป็นจริงนั้นคนท้องถิ่นยังใช้เส้นทางเหล่านั้นอยู่   

ในวันนี้...

หลังจากที่เส้นทางสายไหมซบเซาไปราว 500 ปี จีนได้ชุบชีวิตเส้นทางสายไหม เพื่อเป็นเส้นทางสำหรับขนสินค้าอีกครั้ง และได้ขยายมิติของเส้นทางให้กว้างออกไปเป็นแถบคาดกลางทวีปเอเชียเพื่อให้ตอบสนองการขนส่งสินค้าเพื่อให้มีผลไปทั่วโลก

โดยเรียกโครงการนี้ว่า One Belt, One Road จีนเชิญหลายประเทศให้เข้ามาร่วมโครงการ แต่ประเทศในกลุ่มประเทศในยุโรปส่วนหนึ่งดูเหมือนว่ายังไม่ศรัทธาต่อโครงการนี้

เส้นทางสายไหมในโครงการ One Belt, One Road เป็นแถบเส้นทางเพื่อจัดระบบโลจิสติกส์ใหม่ทั้งทางบก ทะเล และอากาศ

ในแถบเส้นทางบนบกนั้น จีนทำระบบรางและปรับปรุงถนนที่รองรับการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ได้

ขณะที่จีนจัดพิธีเชิญชาติต่างๆ เข้าร่วมประชุมโครงการ One Belt, One Road ที่ปักกิ่งนั้น จีนประสบความสำเร็จจากการขนส่งด้วยระบบรางจากจีนไปยุโรป โดยรถไฟจีนได้ขนสินค้าจากจีนเข้าไปยังยุโรปอย่างเป็นล่ำเป็นสันหลายปีแล้ว ซึ่งตามที่เรียนไว้ว่าจีนไม่ได้เพิ่งเริ่มทำงานนี้

และความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งที่จีนนำมาโหมโรงเมื่อต้นปีนี้ คือจีนใช้หัวรถจักรลากตู้สินค้า 44 ตู้ วิ่งจากฝั่งตะวันออกของจีนผ่านประเทศตัวเองออกไปผ่านประเทศคาซัคสถาน รัสเซีย เบลารุส โปแลนด์ เยอรมนี เบลเยียม ฝรั่งเศส และตู้สินค้าส่วนหนึ่งไปไกลถึงเกาะอังกฤษเป็นครั้งแรก

ที่เราสงสัยว่าสินค้าจีนเข้าไปวางขายเต็มตลาดในยุโรปได้อย่างไร ก็ต้องตอบว่า ส่วนใหญ่มาจากการจัดส่งด้วยระบบรางที่ทรงอานุภาพของเส้นทางสายไหมนี่แหละค่ะ

ระบบรางในเส้นทางสายไหมใหม่ของจีนสามารถขนส่งสินค้าระยะทางไกล 1.2 หมื่นกิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 2 อาทิตย์ สั้นกว่าการขนส่งทางเรือถึง 2 สัปดาห์ และราคาถูกหายห่วง

ต่อไปนี้อังกฤษจะเป็นตลาดปล่อยสินค้าของจีนที่เติบโตเพิ่มขึ้นอีกมาก จีนนั้นดีใจมาตั้งแต่อังกฤษผ่านกระบวนการเบร็กซิต เพราะจะตกลงทางการค้ากับอังกฤษง่ายขึ้นมาก    

รถไฟสินค้าจีนยังวิ่งลงไปถึงอิตาลีและสเปนด้วย จีนยังเดินหน้าจะเปิดจุดหมายเพื่อการขนส่งขนตู้สินค้าทางรางเข้าประเทศในยุโรปเพิ่มอีกราว 20 ประเทศเร็วๆ นี้

จีนเรียกการขนส่งสินค้าระบบรางไปยุโรปของตนว่า

New Silk Route...

นั่นคือมิติการขนส่งทางรางในการพลิกฟื้นเส้นทางสายไหมเพื่อการค้าในระบบรางที่เป็นอยู่ ณ วันนี้

นี่เป็นตัวอย่างการขยายตัวของการขนส่ง ของแถบเส้นทางสายไหมส่วนหนึ่งที่นำร่องของจีนด้วยระบบราง

และเราจะไปรู้จักกับการขนส่งสินค้าของแถบเส้นทางสายไหมด้วยทางรถยนต์กันต่อ n

 (พบกันวันเสาร์หน้าค่ะ)

ข่าวล่าสุด

ล้ำไปอีกขั้น เสื้อกั๊ก AI ช่วยผู้ป่วยหลอดเลือดสมองขยับแขน