posttoday

มวลขยะทะเลในอ่าวไทย

12 กุมภาพันธ์ 2560

ตกตะลึงพรึงเพริศกันอย่างน่าหวั่นไหว สำหรับภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat หรือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

โดย...พริบพันดาว ภาพ... เฟซบุ๊กป๊ะป๋า วงเวียน

ตกตะลึงพรึงเพริศกันอย่างน่าหวั่นไหว สำหรับภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat หรือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ถูกแชร์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กกันอย่างมากมาย

 ผศ.ดร.ธรณ์ ได้โพสต์รูปและเรื่องราว พร้อมแฮชแท็ก ว่า #แพขยะขนาดยักษ์กลางอ่าวไทย ยาว 10 กิโลเมตร นี่คือหลักฐานว่าเราเข้าขั้นวิกฤตในการจัดการปัญหาขยะพลาสติกในทะเล #ประเทศไทยทิ้งขยะพลาสติกลงทะเลเป็นอันดับ6ของโลก #แล้วเราทำอะไรบ้าง

 โดย ผศ.ดร.ธรณ์ เล่าผ่านสเตตัสนี้ว่า เรื่องเริ่มจากพี่ชาวประมง ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กป๊ะป๋า วงเวียน เพิ่งไปเจอแพขยะยาว 10 กิโลเมตร ในทะเลนอกชายฝั่งชุมพร จึงโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก ในความคิดเห็นที่บอกกล่าว ธรณ์ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า

“…องค์การสหประชาชาติเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตั้ง SDG ด้านต่างๆ โดยเฉพาะ SDG14 Life Below Water แนวทางต่างๆ กล่าวถึงปัญหาขยะทะเล โดยระบุชื่อประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีปัญหาขยะทะเลรุนแรงมาก ขยะเหล่านี้มีที่มาหลายสาเหตุ จากชุมชนบนแผ่นดิน มากับแม่น้ำลำคลองสู่ทะเล จากการท่องเที่ยว การแอบลักลอบทิ้งขยะที่ขนมาจากเกาะแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แต่ไม่ยอมเอาไปกำจัดจริง ฯลฯ ยังอาจเกิดจากน้ำท่วมใหญ่พัดขยะจากแผ่นดินลงทะเล แต่ขยะก็คือขยะ หากเป็นขยะ ไม่ลงทะเลในวันนี้ก็เป็นวันหน้า มันสะท้อนให้เราเห็นว่า เรามีขยะพลาสติกมากมายเพียงใด การลดขยะพลาสติก โดยเฉพาะถุงพลาสติกที่ไม่ย่อยสลาย ถือเป็นการแก้ที่ต้นเหตุ...”

 ในเวลาต่อมา สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาให้ข้อมูลถึงภาพที่ถูกแชร์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กว่า

“ตามที่มีข่าวว่า พบขยะทะเลลอยน้ำห่างฝั่งประมาณ 40 กว่าไมล์ บริเวณ อ.ปะทิว จ.ชุมพร นั้น สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้ร่วมกับสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย วิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์ถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยพบว่า มวลขยะทะเลดังกล่าว มีทิศทางจะถูกพัดพาออกสู่ทะเลทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะง่าม ไม่ส่งผลกระทบต่อแนวปะการัง ชายหาด และระบบนิเวศที่เปราะบางบริเวณใกล้ฝั่ง”

 ในแต่ละปีขยะพลาสติกจากทั่วโลกปริมาณราว 8 ล้านตันได้ถูกทิ้งลงสู่มหาสมุทร  ซึ่งที่เห็นเป็นแพขยะจำนวนมหาศาลนั้นถือเป็นเพียงร้อยละ 5 ของขยะในทะเล ส่วนที่เหลือนั้นจมอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร

 เพราะฉะนั้นถึงเวลาที่คนไทยต้องตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะจากงานวิจัยของ เจนนา อาร์. แจมเบ็ก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ระบุไว้ว่า ในปี 2558 ประเทศไทย คือประเทศที่ทิ้งขยะลงสู่มหาสมุทรมากที่สุดในโลกเป็นลำดับที่ 6 โดยประมาณแล้วมีปริมาณขยะในทะเลจากประเทศไทยราว 1.5-4.1 แสนเมตริกตัน/ปี ซึ่งเกิดขึ้นเพราะขาดมาตรการจัดการขยะอย่างเคร่งครัด กล่าวคือมีเพียงร้อยละ 40 ที่ขยะถูกจัดการได้อย่างเหมาะสม แต่ที่เหลือนั้นจะเป็นขยะที่กองทิ้งไว้ของชุมชน และมักจะถูกพัดพาลงสู่มหาสมุทรในที่สุด

 อัญชลี พิพัฒนวัฒนากุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านทะเลและมหาสมุทร กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้พูดปลุกจิตสำนึกและรณรงค์เรื่องขยะพลาสติกในทะเลไว้ว่า

 “ถึงแม้เราจะไม่สามารถปฏิเสธการใช้ชีวิตโดยไม่ใช้พลาสติกได้ เพราะพลาสติกยังมีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำรงขีวิต อย่างเช่น ในแง่ของทางการแพทย์ แต่การใช้พลาสติกที่เป็นผลมาจากการบริโภคนิยมที่ทำให้เกิดขยะพลาสติกมากมายที่ใช้เวลายาวนานในการย่อยสลาย ขยะพลาสติกหลายล้านตันเล็ดลอดลงไปสู่ท้องทะเลในทุกๆ ปี ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสัตว์น้ำต่างๆ

 “ทุกภาคส่วนล้วนมีส่วนช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหานี้ได้ ผู้บริโภคสามารถเริ่มจากตัวเองก่อนในการลดการใช้พลาสติกที่มีอายุการใช้งานสั้น ลองเปลี่ยนทัศนคติ ปรับพฤติกรรมในการลดใช้พลาสติก แล้วเราจะรู้ว่าการไม่ต้องพึ่งพาพลาสติกไม่ได้ยากหรือทำให้ชีวิตลำบากขึ้นอย่างที่คิด”

ข่าวล่าสุด

ล้ำไปอีกขั้น เสื้อกั๊ก AI ช่วยผู้ป่วยหลอดเลือดสมองขยับแขน