posttoday

ถ้าย้อนเวลาได้ จะไปเป็น... สาวอาชีวะ

22 มกราคม 2560

สัปดาห์ก่อนมีแขกมาจากเกาหลีค่ะ เป็นแขกที่นำเรื่องราวน่าสนใจมาเล่าให้ฟังเสียด้วย...

โดย...ดร. เพียงออ เลาหะวิไลย [email protected]

สัปดาห์ก่อนมีแขกมาจากเกาหลีค่ะ เป็นแขกที่นำเรื่องราวน่าสนใจมาเล่าให้ฟังเสียด้วย...

“ดร. คิมจูยอน” เป็นหญิงสาววัยใกล้เคียงกันและเธอก็เคยทำงานในบริษัทเกาหลีเดียวกันกับ “เชกา” ...เธอเป็นวิศวกรทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ เน้นการผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เช่น IC Transistor Resistor ฯลฯ จึงทำงานอยู่ในส่วนงาน Research & Development ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในโรงงานผลิตเวเฟอร์ (Wafer Fabrication) ซึ่งเป็นต้นน้ำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ไปจนถึงออกแบบการผลิตสินค้าใหม่

เจ้าเวเฟอร์นี่ คนมาเยี่ยมโรงงานมักจะเข้าใจว่าเป็นขนมเวเฟอร์สอดไส้ครีมอยู่เรื่อย ที่จริงมันคือแผ่นซิลิกอนที่ผ่านกระบวนการเคลือบผิวเป็นชั้นๆ ด้วยธาตุต่างๆ เช่น ทองคำ เงิน ฯลฯ เพื่อวาดวงจรอิเล็กทรอนิกส์ลงไปให้มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ ก่อนที่จะส่งไปประกอบเป็นอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์...เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในอดีตเคยมีนักลงทุนมาสร้างโรงงานผลิตเวเฟอร์ในไทย แต่มีอันต้องพับโครงการหมื่นล้านบาทไปพร้อมกับหนี้สินมหาศาลเพราะเจอกับต้มยำกุ้งวิกฤตเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายทศวรรษ 1990’s ...ไม่งั้น ป่านนี้ไทยคงจะได้เป็นเจ้าของเทคโนโลยีชั้นสูง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่แหล่งประกอบสินค้าระดับสอง แล้วต้องเจอกับดักรายได้น้อยอย่างที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์พูดถึงในปัจจุบัน

ถ้าย้อนเวลาได้ จะไปเป็น... สาวอาชีวะ เธอๆ ...รู้งี้ไปเรียนอาชีวะดีกว่า...(ขณะรอสัมภาษณ์งาน)

 

หลังจากทำงานไปได้ 9 ปี และจบปริญญาเอก ดร.คิมจูยอน เลยผันตัวไปเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งซึ่งไม่ธรรมดา..

“วิทยาลัยอุลซาน” ที่ ดร.คิมจูยอนไปสอน ตั้งอยู่ที่เมืองอุลซานซึ่งเป็นเมืองที่มีผลผลิตมวลรวมระดับจังหวัด (Gross Provincial Product) สูงที่สุดในเกาหลี คือ ราว 2.56 ล้านบาท /คน/ปี ในขณะที่ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 1.23 ล้านบาท/คน/ปี...เป็นที่ทราบกันดีว่าเมืองนี้ คือ เมืองเอกของฮยอนเด(ฮุนได) เฮฟวี่ อินดัสตรี ซึ่งเป็นธุรกิจสำคัญของกลุ่มบริษัท ฮยอนเด... ฮยอนเด เฮฟวี่ อินดัสตรี เป็นเจ้าของโรงงานผลิตรถยนต์ฮยอนเด มีอู่ต่อเรือเดินสมุทรที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก และอุตสาหกรรมหนักอื่นๆ ใน เมืองอุลซาน บริษัทนี้มีพนักงานอยู่ราว 2.5 หมื่นคน และมียอดขายปีละราวๆ 39,000 ล้านเหรียญสหรัฐ... นับเป็นที่หนึ่งในอุลซานที่ทำให้คนในอุลซานซึ่งมีอยู่แค่ 2% ของทั้งประเทศ สามารถสร้างผลผลิตให้ประเทศได้ถึง 13% ของรายได้ทั้งหมด

และมูลนิธิฮยอนเด เฮฟวี่ อินดัสตรีก็เป็นเจ้าของวิทยาลัยอุลซาน (อาชีวะ) กับ มหาวิทยาลัยอุลซาน ซึ่งมิใช่เป็นแค่ธุรกิจอีกแขนงทางด้านการศึกษา แต่หลักสูตรการเรียนถูกขัดเกลาให้สามารถสร้างคนสายเลือดพันธุ์ฮยอนเดแท้ เพื่อป้อนคนเข้าสู่อุตสาหกรรมของเขานั่นเอง...นับว่าเป็นการสร้างคนได้ตรงกับความต้องการของตลาดหรือนายจ้างอย่างที่สุด

ดังนั้น จึงไม่แปลกใจเลย เมื่อ ดร.คิม สรุปแนะนำวิทยาลัยอาชีวะแห่งนี้ ว่ามีโรงงานของจริงที่ได้รับบริจาคเครื่องจักรมาจากบริษัทต่างๆ (ในกลุ่มฮยอนเด) ให้นักศึกษาได้ใช้จับต้อง ปฏิบัติจริง ในศูนย์การเรียนรู้ทุกๆ ด้านที่สำคัญต่ออุตสาหกรรม เช่น 1)ศูนย์การศึกษาเทคโนโลยีการเชื่อมโลหะ ใช่เลยค่ะ ในการผลิตรถยนต์และต่อเรือเดินสมุทร หรือแม้แต่การลำเลียงทั้งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติทางท่อ ต้องอาศัยฝีมือการเชื่อมโลหะระดับเทพ 2) ศูนย์เทคโนโลยีการผลิตเครื่องมือและแม่พิมพ์ระดับ High Precision ซึ่งเครื่องมือและแม่พิมพ์ที่มีความละเอียดมากนี้ หายากและมีราคาแพงมาก ในไทยมีไม่กี่แห่งโดยมากเป็นโรงงานที่ญี่ปุ่น หรือเกาหลี มาตั้งเองผลิตใช้เองในเครือบริษัทเพราะหาผู้รับจ้างผลิตในไทยยาก 3) ศูนย์เครื่องจักรกลอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ก้าวล้ำไปในอนาคตเลย ที่จริงโรงงานผลิตรถยนต์ใช้หุ่นยนต์ประกอบโครงสร้างหลักของรถยนต์มานานเป็นสิบปีแล้วค่ะ ก็มาจากนักศึกษาพวกนี้เอง 4) ศูนย์เทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์  5) ศูนย์วิเคราะห์สิ่งแวดล้อมที่อาจรับผลกระทบจากอุตสาหกรรม

ถ้าย้อนเวลาได้ จะไปเป็น... สาวอาชีวะ หนูไม่ได้คาบช้อนทองมาเกิดเหมือนนักการเมืองนิ...ช่วยด้วยค่ะ

 

ที่เล่ามานี่ คือ การเรียนของนักเรียนอาชีวะระดับ ปวส. นะคะ นอกจากนี้เขายังส่งนักเรียนไปฝึกงานในประเทศต่างๆ ที่มีเครือข่าย ในไทยก็ส่งมาที่โรงงานเซมิคอนดักเตอร์เกาหลีปีละ 2 คนค่ะ... ที่ร้ายกว่านั้น คือ มีนักศึกษาวิศวกรรมการต่อเรือเดินสมุทรระดับปริญญาตรีจากเวียดนามมาฝึกทักษะที่นี่ด้วย “คุณภาพของนักเรียนขึ้นอยู่กับคุณภาพของอาจารย์” อาจารย์เขามีทั้งหมด 147 คน เกินกว่า 95% จบปริญญาเอกค่ะ

ดร.คิมเล่าว่า เนื่องจากสอนให้ทำจริงและทำเก่งระดับนี้ นักเรียนจบไปมีงานทำทันทีเกินกว่า 70% ในขณะที่การศึกษาในเกาหลีส่วนอื่นเจอปัญหากับดักการศึกษาเหมือนกับเราค่ะ คือ จบปริญญาตรีแล้วไม่มีงานทำ พูดให้ถูกคือ “งานมี แต่ผลิตคนออกมาไม่ตรงกับงาน” เรียนตามหลักสูตรมาแต่ไม่ได้สร้างให้เชี่ยวชาญเฉพาะในด้านใดด้านหนึ่งเสียเยอะ...อัตราการว่างงานของเด็กเกาหลีที่จบปริญญาตรีเมื่อปีที่แล้วจึงสูงถึง 9.7% เมื่อรวมยอดทบจากปีที่ผ่านๆ มาจนถึงปีที่แล้ว พบว่ามีคนจบปริญญาตรีในเกาหลีไม่มีงานทำราว 3.15 แสนคนแน่ะ กลายเป็นปัญหาให้พ่อแม่ยังคงต้องเลี้ยงดูต่อไปเรื่่อยๆ

ตอนนี้เลยเกิดปรากฏการณ์ใหม่ คือ นักศึกษาจบปริญญาตรีไปแล้วจำนวนมากกลับมาลงเรียนอาชีวะซ้ำ ที่วิทยาลัยอุลซานก็มาเรียนกันเยอะค่ะ เพราะเรียนจบไปได้งานเร็วกว่าอีก เมื่อได้วุฒิ ปวส. ไปพร้อมทักษะหากทำงานกับบริษัทที่เป็น SME รายได้ก็ไม่ต่างจากจบปริญญาเลย...ฟังแล้วต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ เป็นสาวอาชีวะก็ไฉไลเหมือนกันค่ะ...

ข่าวล่าสุด

สวนดุสิตโพล เปิด 5 อันดับ “นักการเมือง” ประชาชนเชียร์นั่งนายกฯ