ผู้เชี่ยวชาญชี้ปีนี้ไทยหนาวนาน-เย็นฉ่ำกว่าปีที่แล้ว
สถานการณ์หน้าหนาวปีนี้ได้รับการยืนยันจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า จะเย็นลงและยาวนานกว่าปีที่ผ่านมา
โดย...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์
สถานการณ์หน้าหนาวปีนี้ได้รับการยืนยันจากกรมอุตุนิยมวิทยาว่า จะเย็นลงและยาวนานกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะกระตุ้นให้คนไทยอยากจะเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น
วันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สถานการณ์อากาศเย็นในปีนี้ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมวลอากาศเย็นที่พัดลงมาจากขั้วโลกเหนือผ่านมาทางรัสเซีย จีน และเข้ามาไทยทำให้ในปีนี้ประเทศไทยจะมีฤดูหนาวยาวไปถึงกลางเดือน ก.พ. 2560
สำหรับอุณหภูมิความเย็นในแต่ละพื้นที่ ภาคเหนือ อีสานเริ่มมีอากาศเย็นมาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ซึ่งอุณหภูมิความเย็นจะลดต่ำลงสูงสุดช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2559 ถึงกลางเดือน ม.ค. 2560 โดยจุดที่อุณหภูมิจะลดลงต่ำสุดจะอยู่ในภาคเหนือเป็นหลักซึ่งจะลดต่ำถึงเหลือเลขตัวเดียว
ส่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ช่วงแรกที่เข้าสู่ฤดูหนาวอากาศไม่เย็นมากแต่เพิ่งเริ่มมีอากาศเย็นในตอนเช้าช่วงนี้เพราะได้รับอิทธิพลจากมวลอากาศเย็นที่พัดลงมามากจากประเทศจีน คาดว่าในปีนี้กรุงเทพฯ ช่วงที่อากาศเย็นที่สุดอยู่ช่วงต้นเดือน ม.ค. 2560 โดยอุณหภูมิจะลดลงต่ำอยู่ที่ 15-16 องศาเซลเซียส แต่จะเป็นวันไหนต้องรอประเมินดูสภาพมวลอากาศเย็นก้อนใหญ่ที่จะพัดลมหนาวมาอีกครั้ง ก่อนที่ กทม.จะหมดฤดูหนาวช่วงต้นเดือน ก.พ.
ขณะที่ภาคใต้ปีนี้อากาศจะไม่หนาวเย็นมาก อาจมีบางวันอากาศจะเย็นในตอนเช้า แต่พื้นที่ส่วนใหญ่จะมีฝนตกไปถึงกลางเดือน ม.ค. เนื่องจากภาคใต้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมในอ่าวไทยที่พัดพาเอาความชื้นเข้าหาชายฝั่ง ทำให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่โดยเฉพาะฝั่งอ่าวไทย ทำให้ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ลงไปมีฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ และวันที่ 1-4 ธ.ค.นี้ จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำทำให้เกิดฝนตกหนักเกิดคลื่นลมแรง
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวด้วยว่า ฤดูหนาวในปีนี้ระยะเวลาจะยาวนานกว่าปีที่ผ่านมา แต่อุณหภูมิความเย็นจะไม่ลดต่ำลงมากเท่ากับปีที่แล้ว สภาพอากาศเย็นจะมีเป็นช่วงๆ คือ อากาศอุ่นขึ้น 3-4 วันก็จะกลับไปหนาวใหม่ จึงขอเตือนประชาชนโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน ขอให้ระวังเรื่องสุขภาพเพราะปีนี้อากาศเย็นจะนาน รวมถึงขอให้ระวังเรื่องการจุดไฟเพราะเมื่ออากาศเย็นประชาชนมักนิยมก่อกองไฟคลายหนาว
อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ระบุว่า เป็นไปได้อย่างยิ่งที่ฤดูหนาวปีนี้จะมีอากาศหนาวเย็นลงกว่าค่าเฉลี่ยเพราะสภาพอากาศโดยภาพรวมในปีนี้ยังอยู่ในอิทธิพลของ ลานินญา ซึ่งพบว่าในช่วงปลายๆ ของปีที่เกิดปรากฏการณ์นี้ทุกครั้ง จะสำรวจพบหรือบันทึกได้ว่า อากาศจะหนาวเย็นกว่าปีที่ไม่มีลานินญา
ทั้งนี้ ปีนี้จะมีอากาศแกว่งตัวแรงกว่าปกติ ดังจะเห็นได้จากปรากฏการณ์หิมะที่ตกลงมาตกค่อนข้างเร็วในรอบ 54 ปี ในประเทศญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการแกว่งตัวของมวลอากาศเย็นในบริเวณโดยรอบมหาสมุทรอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวในประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ตรงตามปรากฏการณ์ต่างๆ ทุกครั้งไป เพราะยังมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรเกิดขึ้นได้ในระหว่างนั้นเสมอ เช่นปีนี้ซึ่งมีลานินญาแรงตอนต้นปีจึงมีการคาดการณ์ว่าลานินญาน่าจะหมดเร็วหรือหมดไปแล้วเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา แต่ปรากฏการณ์นี้ก็ยังลากยาวมาถึงปัจจุบัน
อานนท์ กล่าวว่า ไม่เฉพาะแต่ประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ประเทศจีนบางส่วนและเกาหลี ก็มีสภาพอากาศค่อนข้างเย็นในช่วงนี้ ขณะที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบบางส่วน และประกอบกับสภาพอากาศในช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้พื้นทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือประชาชนส่วนใหญ่จะได้สัมผัสถึงอากาศหนาวเย็น
สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในบางพื้นที่ ซึ่งเป็นผลมาจากมวลอากาศเย็นทางภาคเหนือปะทะกับอากาศอุ่นชื้นจากภาคใต้ และคาดว่าในเดือน ธ.ค.-ม.ค. 2560 อุณหภูมิโดยรวมของประเทศไทยจะลดลงและมีอากาศหนาวเย็นมากขึ้นตามลำดับ อุณหภูมิเฉลี่ยโดยทั่วไปจะต่ำกว่าปี 2558 และประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีโอกาสได้สัมผัสอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสได้ประมาณ 3-4 วันเป็นอย่างน้อย


