posttoday

ตำนาน‘ลุงวาเด็ง’ พระสหายในหลวง

27 พฤศจิกายน 2559

อีกหนึ่งเรื่องเล่าขานที่ประชาชนชาวไทยได้ยินกันมานาน คือ ลุงวาเด็ง ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระสหายของในหลวง

อีกหนึ่งเรื่องเล่าขานที่ประชาชนชาวไทยได้ยินกันมานาน คือ ลุงวาเด็ง ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพระสหายของในหลวง รัชกาลที่ 9 แต่แน่นอนว่ามีน้อยคนนักจะรู้ว่าในหลวงไปพบกับลุงวาเด็งได้อย่างไร

“ผมเข้ารับตำแหน่งได้เพียงเดือนเศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ แปรพระราชฐานไปยัง พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ กรมชลประทานก็เปิดศูนย์รับเสด็จฯ ที่โครงการชลประทานนราธิวาส ดังเช่นที่เคยปฏิบัติมา เมื่อทราบว่าจะเสด็จฯ ออกทรงงานที่ใด พล.อ.เทียนชัย จั่นมุกดา กับ พล.อ.ท.สุพจน์ ครุฑพันธุ์ (ยศขณะนั้น) รองสมุหราชองครักษ์ จะรีบแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อออกไปตรวจพื้นที่พร้อมกำหนดจุดที่จะเสด็จฯ ในวันที่ 30 ก.ย. 2535 มีกำหนดจะเสด็จฯ ไปพื้นที่พรุแฆแฆ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพรุเสื่อมโทรมขนาดใหญ่”

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.เทียนชัย จั่นมุกดา พร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมราชองครักษ์เฝ้าฯ ทรงชี้ในแผนที่ 1 : 50,000 แล้วมีพระราชดำรัสว่า จะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรปากคลองน้ำจืด ซึ่งมีศักยภาพที่จะสร้างอาคารเก็บน้ำจืดไว้ให้ราษฎรในหน้าแล้งได้ เจ้าหน้าที่ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าของพื้นที่ ร่วมกันทัดทานว่า เสด็จฯ ไปไม่ได้ ทางที่ไปขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อเพราะเป็นหน้าฝน และจุดที่จะเสด็จฯ ไปรถยนต์เข้าไม่ถึง อยู่ห่างจากถนนประมาณเกือบหนึ่งกิโลเมตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสสั้นๆ ว่า “ฉันไปได้”

การเปลี่ยนเส้นทางกะทันหันในยามค่ำมืดเช่นนี้ ย่อมมีปัญหาที่ทุกคนกังวลยิ่งคือเรื่องการถวายความปลอดภัย ไม่มีใครทราบว่า เส้นทางที่จะไปจะเจออะไรบ้าง ผมจำได้ว่า พอสุดเส้นทางถนนขรุขระที่รถแล่นได้ ทุกคนต้องลงเดิน ทางที่เดินนั้นมืดมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำเนินโดยมีเจ้าหน้าที่ใช้ไฟฉายส่องทาง ผู้ที่ตามเสด็จฯ ทุกคนเตรียมพกไฟฉายประจำตัวอยู่แล้ว ถ้าใครไม่มี เป็นต้องเดินตกท้องร่องแน่ๆ

“สักครู่ก็ถึงบ้านใต้ถุนสูงของเจ้าของสวน ซึ่งเป็นชาวไทยมุสลิมอายุประมาณ 70 ปีเศษ นุ่งกางเกงสีน้ำเงินไม่สวมเสื้อ เห็นกล้ามเป็นมัดๆ แสดงอาการตื่นเต้น ดีอกดีใจเมื่อทราบว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำเนินผ่านที่ของเขา ชายคนนี้คือ ลุงวาเด็ง รับอาสานำทางไปยังจุดที่มีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตร คือ ปากคลองน้ำจืด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแนะนำให้กรมชลประทานไปพิจารณารายละเอียด เพื่อสร้างประตูบังคับน้ำที่ปากคลอง เพื่อเก็บน้ำจืดไว้ใช้ในหน้าแล้ง”

“หลังจากประทับอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง จึงเสด็จฯ กลับ โดยทรงแวะที่บ้านลุงวาเด็ง ช่วงนั้นมีสุภาพสตรีสามถึงสี่คน แต่งตัวคลุมศีรษะเรียบร้อยตามประเพณียืนรอเฝ้าฯ รับเสด็จ เข้าใจว่าเป็นครอบครัวของลุงวาเด็ง ลุงวาเด็งซึ่งยังคงอยู่ในชุดเดิม เฝ้าฯ กราบบังคมทูลฯ อยู่ข้างบ่อน้ำตื้น ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำใหม่เอี่ยมวางอยู่ข้างบ่อ ลุงวาเด็งได้กราบบังคมทูลฯ เป็นภาษายาวี ว่า เป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวของเขา ที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จฯ มาถึงบ้าน แต่เสียใจเหลือเกินที่ไม่มีผลไม้ทูลเกล้าฯ ถวาย”

“เงาะกับทุเรียนที่ปลูกไว้ก็เพิ่งขายไป เหลือทุเรียนลูกเล็กๆ ห้อยต่องแต่งอยู่ลูกเดียว และยังดิบอยู่ เงินที่ได้มาสองหมื่นบาทก็เอาไปซื้อเครื่องสูบน้ำใหม่ที่เห็นวางอยู่ ผมจำได้ว่าเป็น ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ที่กล่าวทำนองแหย่เล่นว่า “ไม่มีอะไรถวาย ก็ปั๊มน้ำนั่นไงล่ะ”

“ลุงวาเด็งแสดงอาการดีใจเหมือนเพิ่งนึกได้และกราบบังคมทูลฯ ว่า “ถวายเลย ขอถวายปั๊มน้ำ” พร้อมกับหันไปทางเจ้าหน้าที่ บอกว่า “ยกไปเลย ยกไปเลย” เสียงของลุงวาเด็งบ่งบอกถึงความจริงใจ ต่อมาเมื่อใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษา ลุงวาเด็งจะหอบหิ้วผลไม้ตามฤดูกาลเข้าไปทูลเกล้าฯ ถวายเป็นประจำทุกปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเรียกลุงวาเด็งว่า “พระสหาย”

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เชลซี พบ เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68