posttoday

"คู่กรณีคุก1ปี เเต่ครอบครัวเราเหมือนตลอดชีวิต" ศรัญญา ชำนิ คุณแม่หัวใจแกร่ง

14 พฤศจิกายน 2559

เรื่องราวชีวิตต้องสู้ของคุณแม่หัวใจแกร่ง "ศรัญญา ชำนิ" หลังคำพิพากษาคดีน้องการ์ตูน

เรื่อง..วรรณโชค ไชยสะอาด / ภาพ..วิศิษฐ์ แถมเงิน

ผลกระทบจากเหตุการณ์วัยรุ่นซิ่งรถเเข่งขันบนท้องถนนเมื่อปี 2555 ส่งผลให้ "ศรัญญา ชำนิ" สูญเสียสามี ภานุทัต ศักดิ์สืบพรรณ ไปอย่างไม่มีวันกลับ ขณะที่ "น้องการ์ตูน" ด.ญ.นรารัศมี ศักดิ์สืบพรรณ ลูกสาวตัวน้อยวัย 5 ขวบของเธอต้องกลายเป็นผู้ป่วยพิการทางสมอง ตาบอดมองไม่เห็น ซ้ำร้ายยังแทบไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้

ล่าสุด ศาลฏีกามีคำสั่งไม่รับคำขอลดโทษจากคู่กรณี ส่งผลให้คู่กรณีต้องจำคุกเป็นเวลา 1 ปี จากข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตและได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส รวมถึงข้อหาแข่งรถในที่สาธารณะ

“เขาติดคุก 1 ปี สูญเสียอิสรภาพอย่างมีกำหนด ขณะที่การ์ตูนและเราเหมือนติดคุกไปตลอดชีวิต หวังว่าการได้รับโทษครั้งนี้จะช่วยให้คู่กรณีและครอบครัวตระหนักและมีสามัญสำนึกความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองบ้าง”

เสียงจาก "ศรัญญา ชำนิ" แม่น้องการ์ตูน ที่ชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...

เห็นลูกยิ้มได้บ้างก็ดีใจแล้ว

ทุกวันนี้กิจวัตรประจำวันของศรัญญาต้องเหนื่อยหนักกว่าคนปกติทั่วไป

“ชีวิตเปลี่ยนไปมาก จากหน้ามือเป็นหลังมือ ต้องเรียนรู้การดูแลและอยู่ร่วมกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้ ที่สำคัญคนป่วยนั้นเป็นลูกของเรา เหนื่อยมาก แต่ยังดีที่รู้ว่าเหนื่อยเพื่อใครมันจึงไม่ใช่การบังคับฝืนใจ เพราะเป็นสิ่งที่แม่ทุกคนต้องทำเพื่อลูกอยู่แล้ว”

ภาพเก่าๆในอดีตที่คุณแม่คนนี้ยังคงคิดถึงเสมอคือ ความอบอุ่นและชั่วโมงอันแสนพิเศษระหว่างเธอกับลูกสาว

“คิดถึงภาพที่เล่นกับน้อง คุยกับน้อง ไม่เคยได้ยินเสียงของเค้ามาสองปีกว่าแล้ว จากที่ได้ยินเขาเรียกคุณแม่ๆทุกวัน แต่อย่างน้อยที่สุดวันนี้เรายังได้เห็นเขา ได้กอดเขา และพูดคุยกับเขา ดีกว่าเราพูดคุยอยู่คนเดียว ส่วนคุณพ่อ (สามี) เรานึกถึงวันเก่าๆที่ดำเนินชีวิตร่วมกัน แต่ไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเราและลูกอีกแล้ว อยากให้เขาไปอยู่ภพภูมิที่ดี เอาเข้าจริงทุกวันนี้ยังรู้สึกว่าเขายังอยู่กับเราเสมอ เวลาเครียดหรือเศร้า ไม่รู้จะระบายกับใคร จะหยิบรูปเขาขึ้นมามองแล้วพูด ‘เหนื่อยจังเลย’ ‘สงสารลูกเนอะที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้’ ‘วันนี้ขายของไม่ดีเลย’ ระบายกับเขาแล้วมันสบายใจ ได้ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่าง รู้สึกแตกต่างจากเพื่อน ทุกครั้งที่คุยเหมือนมีปาฏิหาริย์มาช่วยให้เราผ่านพ้นความเศร้านั้นเสมอ”

กิจวัตรประจำวันของคุณแม่คนเก่งตลอดสองปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่เวลาตีสามต้องตื่นมาดูแลลูกสาว เช็ดตัว ทำแผลบริเวณหน้าท้องและลำคอ จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดเครื่องนอนให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ กระทั่งได้งีบหลับพักผ่อนอีกครั้งประมาณหกโมงถึงแปดโมงเช้า โดยมีคุณพ่อ-คุณเเม่หรือคุณตาเเละยายของการ์ตูนลุกขึ้นมาทำอาหารให้ เธอจะตื่นมาอีกครั้งเพื่อป้อนอาหารลูก ก่อนอาบน้ำแต่งตัวออกไปหาซื้อหาวัตถุดิบที่ตลาด และเข้าดูแลร้านสเต็ก

กระทั่งเวลาบ่ายสองโมงตรง จะเดินทางออกจากร้านสเต็กกลับไปบ้านเพื่อทำกายภาพบำบัดให้น้องการ์ตูน พร้อมป้อนอาหาร เช็ดตัวทำความสะอาด ก่อนกลับมาทำงานที่ร้านสเต็กอีกครั้งในเวลาสี่โมงเย็นและลากยาวไปจนกระทั่งสี่ทุ่ม กว่าจะได้กลับบ้าน และนอนหลับก็ปาเข้าไปตีหนึ่งของอีกวัน

“เหนื่อยมาก แต่ชินแล้ว แรกๆรู้สึก เฮ้ย..ชีวิตฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้วะ สุดท้ายได้คำตอบได้ว่าเราทำเพื่อเขา ทุกวันนี้พยายามทำให้ครอบครัวมีความสุขตลอด ไม่มองว่ามีคนป่วยในบ้าน บอกการ์ตูนตลอดว่าหนูไม่ได้ป่วยนะ แค่ยังไม่มีแรงเล่นกับแม่ พักผ่อนเยอะๆ จะได้เล่นกับแม่ไวๆ เขาจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองป่วย”

"คู่กรณีคุก1ปี เเต่ครอบครัวเราเหมือนตลอดชีวิต" ศรัญญา ชำนิ คุณแม่หัวใจแกร่ง

พัฒนาการของน้องการ์ตูน ในความรู้สึกของคนเป็นแม่นั้นสัมผัสได้ว่า ร่ายกายเริ่มตอบโต้และรับรู้มากขึ้น มีรอยยิ้ม หันซ้าย หันขวาตามเสียงต่างๆได้เล็กน้อย ที่สำคัญการ์ตูนยังเป็นกำลังใจที่ยอดเยี่ยมให้กับคนเป็นแม่เสมอ

“จะให้ลุกมานั่งคุยเป็นไปไม่ได้ แค่เห็นเขาพยายามจะยกคอขึ้นก็ดีใจแล้ว เหมือนเราไม่ได้พยายามคนเดียว แต่เค้าก็สู้ไปด้วยกัน เค้าบาดเจ็บสาหัสมาก จากที่นิ่งๆ ลอยๆ ตายังลืมได้ไม่เท่ากัน ใครๆก็พากันคิดว่าเป็นเจ้าหญิงนิทราแน่นอน แต่พอกลับมาอยู่บ้าน ท่ามกลางบรรยากาศเก่าๆ ร่างกายเค้าเริ่มฟื้นฟู มีมอง หันซ้าย หันขวาตามเสียง อย่างตอนเช็ดตัว พูดคุยหยอกล้อ เค้าก็ยิ้ม หัวเราะแบบไม่มีเสียง เวลาแม่เผลอปิดประตูเสียงดัง ก็มีสะดุ้งตกใจ เบะปากร้องไห้เวลาเจ็บก็มี หรือเวลาเราเครียดๆ ร้านไม่มีลูกค้า จะโทรไปบอกน้องว่า ‘การ์ตูน ไม่มีลูกค้าเลยนะ พรุ่งนี้ไปหาหมอ ชั้นไม่มีเงินจ่ายให้เธอแน่ๆ ตายหมู่เลยนะ’ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พักเดียวลูกค้าเต็มร้าน เราคิดว่าเค้าก็ส่งกำลังใจให้เสมอ รู้ว่าเราเหนื่อย เพียงแค่ตอบโต้ไม่ได้เท่านั้น”

"คู่กรณีคุก1ปี เเต่ครอบครัวเราเหมือนตลอดชีวิต" ศรัญญา ชำนิ คุณแม่หัวใจแกร่ง

"คู่กรณีคุก1ปี เเต่ครอบครัวเราเหมือนตลอดชีวิต" ศรัญญา ชำนิ คุณแม่หัวใจแกร่ง

สงสารคู่กรณีที่ไม่มีสำนึก

โทษที่ผู้ต้องหาได้รับคือการถูกจองจำในคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนทางแพ่ง ศาลสั่งให้จ่ายเงินชดใช้จำนวนกว่า 6 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขั้นตอนการปฎิบัติเป็นหน้าที่ของกรมบังคับคดีในการสืบทรัพย์และยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดเพื่อชดใช้ หากคู่กรณีไม่มีทรัพย์สินก็จะกลายเป็นเพียงบุคคลล้มละลาย จากคำตัดสินดังกล่าว ศรัญญายอมรับเเละเคารพ แม้จะไม่รู้สึกเห็นด้วย เธอมองว่าโทษจำคุกเพียง 1 ปีนั้นน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความสูญเสียของครอบครัว

“ทุกคนรับรู้ เข้าใจ และยอมรับกฎหมาย  แต่กฎหมายไม่เข้าใจเหยื่อผู้ถูกกระทำว่ามันทรมานขนาดไหน เรามองว่าโทษจำคุกน้อยเกินไป  ถ้าวันนั้นรถเขายางแตกแล้วพุ่งเข้ามาชนคนในร้าน แบบนั้นเรารับได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการแข่งรถบนท้องถนน ความตั้งใจและไม่ตั้งใจมันใกล้เคียงกันมาก โทษที่เขาได้รับนั้นมีกำหนด ผิดกับเราที่ไม่รู้เลยว่าอีกกี่ปีน้องจะหาย กำหนดชีวิตไม่ได้เหมือนเขา และไม่มีคำว่าครอบครัวอีกเลย พูดง่ายๆเราเหมือนติดคุกตลอดชีวิต ขณะที่เขาแค่ปีเดียว”

ศรัญญา เล่าว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้รับความช่วยเหลือหรือแสดงความยอมรับผิดอย่างจริงใจจากคู่กรณีเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“แรกๆโกรธมากที่ขับรถแบบนี้ แต่พอเรื่องมันผ่านไปจนกระทั่งขึ้นศาล เรากลับเห็นเขาเป็นคนน่าสงสาร เพราะไม่มีคนสั่งสอน เขาไม่เคยเข้ามาพูดคุยกับเราอย่างจริงใจ ไม่มีเลย ถ้าเดินเข้ามายกมือไหว้ บอกว่าคุณแม่ ยอมรับผิดแล้ว แต่หนูไม่มีเงิน ขอชดใช้เดือนละ 1,000 บาท หรือซื้อผ้าอ้อมให้น้องเดือนละ 2 ชิ้น แสดงความรับผิดชอบตามกำลังให้เห็นบ้าง แบบนั้นโอเค แต่นี่ไม่เลย ไม่มีเงินแล้วยังไม่มีสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์ด้วย เราเลยรู้สึกสงสาร”

ปัจจุบัน เธอแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลครอบครัวประมาณ 7 หมื่นบาทต่อเดือน เแม้จะยากลำบากแสนสาหัส แต่ศรัญญาก็ได้ค้นพบว่า ในภาวะที่ตกต่ำของชีวิต น้ำใจและความเมตตาของคนไทยคือสิ่งที่พร้อมมอบให้แก่กันเสมอ

“น้ำใจ เงินทอง สิ่งของต่างๆ ที่ทุกคนมอบให้ รู้เลยว่าคนไทยใจดีมาก ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก มีคนอื่นอีกมากที่ให้กำลังใจเรา และเราก็เป็นกำลังใจให้ใครหลายคนที่ประสบปัญหาชีวิตเช่นกัน บางคนมาทานอาหารที่ร้านเห็นประตูร้านเสีย บอกเดี๋ยวส่งคนมาซ่อมให้นะ บางคนซื้อของมาฝาก หรือเงินทอนไม่เอาก็มี”

"คู่กรณีคุก1ปี เเต่ครอบครัวเราเหมือนตลอดชีวิต" ศรัญญา ชำนิ คุณแม่หัวใจแกร่ง

ชีวิตต้องสู้ของคุณแม่หัวใจแกร่ง

“มีคนชมเราเยอะว่าเก่ง แกร่ง คงต้องขอบคุณสิ่งที่เราโดนกระทำมา เหมือนเป็นบทพิสูจน์เห็นพบว่า คนเราไม่ได้เกิดมาเพียงแค่เรียนหนังสือ แต่งงาน มีครอบครัวเท่านั้น ยังมีอะไรอีกหลายอย่างเข้ามาทดสอบ คิดว่าความสาหัสที่เราเจอ ถ้าวันหนึ่งเราผ่านพ้นไปได้ ปัญหาทุกอย่างหลังจากนั้นเล็กน้อยมาก”

เรื่องที่หลายคนไม่ทราบคือ ความแข็งแกร่งที่ผู้หญิงคนนี้แสดงออกมาไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากการความสูญเสียเท่านั้น หากแต่มันเกิดขึ้นมาตลอดชีวิตของเธอ

ศรัญญาเป็นชาวกรุงเทพมหานคร ช่วงชีวิตวัยเด็กค่อนข้างยากจน ประหยัดอดออมสุดฤทธิ์ มุ่งทำงานอย่างหนักตั้งแต่เช้าจรดเย็นส่งเสียตัวเองเรียนจนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาการบัญชีวิทยาลัย พาณิชยการเชตุพน

“เด็กๆลำบากมาก รับจ้างล้างจานตั้งแต่เที่ยงถึงสามทุ่ม ได้เงินวันละ 20 บาท เสื้อผ้าชุดนักเรียนก็รอรับบริจาคจากคนอื่น โตขึ้นมาหน่อยก็ออกไปทำงานเป็นพนักงานขายที่ห้าง กลับบ้านมืดๆยังถูกคนนินทา บอกหน้าตาแบบนี้โตขึ้นไปเป็นกระหรี่แน่นอน  แต่เราไม่สน เอาไว้เป็นแรงผลักดัน ประหยัดทุกอย่าง เก็บเงินไว้จ่ายค่าเทอม พยายามแอคทีฟ บอกตัวเองเสมอว่า ชีวิตเราต้องมีทุกสิ่งให้ได้ จนขวนขวายเรียนจบปวส.ในที่สุด”

หลังเรียนจบเธอเลือกทำงานเป็นเซลล์ขายรถยนต์ ซึ่งเพียงแค่ 2 ปี ก็สามารถนำเงินที่เก็บได้เปิดกิจการร้านเสริมสวย กระทั่งพบรักกับแฟนหนุ่ม ภานุทัต ศักดิ์สืบพรรณ ช่วยกันดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจนเจริญรุ่งเรืองต่อมาหลังคลอดลูกสาวตัวน้อยนั่นคือ น้องการ์ตูน ด้วยความเป็นแม่จึงคิดเรียนต่อในระดับปริญญาตรีเอาไว้ตอบคำถามและเป็นแรงบันดาลให้กับลูกสาว

“เรียนต่อเพื่อลูกเลยนะ ถ้าวันหนึ่งเค้าถามว่า แม่เรียนจบอะไรอ่ะ.. เราอยากให้ลูกภูมิใจว่า แม่เค้าเรียนจบปริญญาตรีนะ จะได้ตั้งใจเรียนไม่แพ้แม่”

ขณะกำลังเล่าเรื่องเรียนของลูกสาว จู่ๆคุณแม่ก็น้ำตาไหล....

“หลังสอบเสร็จ เค้าบอกเราว่า คุณแม่ สมมติหนูสอบได้คะแนนไม่ดี แม่จะโกรธหนูหรือยังภูมิใจในตัวหนูอยู่ไหม เราบอกกลับไปว่า ทำไม หนูทำไม่ได้หรอ การ์ตูนตอบว่าเปล่าๆ ถามไปอย่างนั้นแหละว่าแม่จะโกรธไหม เราบอกว่าไม่หรอก น้องทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น แสดงว่าหนูทำไม่ได้แน่เลย น้องก็ตอบกลับมาว่าเปล่า หนูถามไปอย่างนั้นแหละ ข้อสอบหมูๆเลย ทำได้แน่นอน นั่นคือคำพูดท้ายๆ ที่เราได้ยินจากปากน้อง ไม่กี่ชั่วโมงจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่ทุกคนรู้”

หนึ่งเดือนต่อมาภายหลังโศกนาฏกรรม  สมุดพกประจำตัวของน้องการ์ตูน - ด.ญ.นรารัศมี ศักดิ์สืบพรรณถูกส่งมาที่บ้านซึ่งพบว่าเกรดเฉลี่ยของเธอนั้นดีมากจนคุณแม่อดไม่ได้ที่จะกลั้นน้ำตาไหว นึกถึงบทสนทนาระหว่างแม่ลูกในวันก่อน  “เราเปิดสมุดดูเกรดเฉลี่ยแล้วน้ำตาไหลเลย เป็นเรื่องที่ไม่มีวันลืม”

ปัจจุบันแนวคิดของผู้หญิงวัย 36 ปีคนนี้คือการใช้ทุกวินาทีอย่างดีที่สุด และหวังว่าวันหนึ่งน้องการ์ตูนจะยิ้มได้กว้างขึ้นกว่าเดิม

“ทุกวันนี้คิดแค่ว่าทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่เคยคิดถึงวันพรุ่งนี้แล้ว ตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์รถชนมา หกโมงเย็นยังมีความสุขกันอยู่เลย คุยกันว่าพรุ่งนี้จะไปไหนดี อีก 3 ชั่วโมงถัดมา  ตูม  นับตั้งแต่นั้น เราคิดเลยว่าทำวินาทีนี้ วันนี้ให้ดีที่สุดพอ พรุ่งนี้ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เหมือนดูแลน้องการ์ตูน วันนี้น้องยิ้มเราก็ดีใจแล้ว”

ศรัญญา ทิ้งท้ายว่า เกิดเป็นมนุษย์อย่ายอมแพ้ในโชคชะตา มัวแต่โทษเวรโทษกรรม ดูถูกตัวเองไปวันๆ ขอให้เลือกกำหนดชีวิตตัวเอง ทำแต่ละวันให้ดีที่สุด รู้จักยอมรับกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้วให้ได้

หมายเหตุ-ใครอยากอุดหนุนร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House "ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ" ตั้งอยู่บริเวณถนนราษฎร์บูรณะ ตรงข้ามธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่  กรุงเทพมหานคร เปิด 2 เวลาคือ 11:00 - 14:00 น.  และ 16:00 - 23:00 น. โทร 02-871-4784 / 088-018-5575

"คู่กรณีคุก1ปี เเต่ครอบครัวเราเหมือนตลอดชีวิต" ศรัญญา ชำนิ คุณแม่หัวใจแกร่ง


 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด พิธีปิดซีเกมส์ 2025 สุดยิ่งใหญ่ ส่งไม้ต่อ มาเลเซีย 2027