เปิดลายแทงพนันบั้งไฟ บ่อนใหญ่ซุกอีสานใต้
การพนันบั้งไฟ กำลังเป็นกิจกรรมนอกกฎหมายที่เล่นกันอย่างกว้างขวาง ที่สำคัญมันมีเงินหมุนเวียนต่อการเล่นไม่ต่ำกว่า 50ล้านบาท
การพนันบั้งไฟ กำลังเป็นกิจกรรมนอกกฎหมายที่เล่นกันอย่างกว้างขวาง ที่สำคัญมันมีเงินหมุนเวียนต่อการเล่นไม่ต่ำกว่า 50ล้านบาท
อาจจะดูเป็นเรื่องแปลกที่จู่ๆ นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็สั่งกลางที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้ อิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหอกประชาธิปัตย์สายอีสาน เร่งหาข้อมูลปราบปรามการเล่นพนันบั้งไฟในพื้นที่แดนอีสานใต้ งานนี้เล่นเอา รมต.หลายคนงุนงงกับคำสั่งสายฟ้าแลบ
ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หากหลายคนได้รับรู้ข้อมูลสุดลับของตำรวจกองปราบปรามที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับการพนันบั้งไฟมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นช่องทางในการชาร์จจับกุม
เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “การพนันบั้งไฟ” กำลังเป็นกิจกรรมนอกกฎหมายที่เล่นกันอย่างกว้างขวางและเปิดเผยกลางทุ่งโล่ง ที่สำคัญมันมีเงินหมุนเวียนต่อการเล่นแต่ละครั้งในแต่ละวันไม่ต่ำกว่า 50ล้านบาท...!
พ.ต.ท.นิรันดร์ สัตยารังสรรค์ รองผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม ในฐานะที่ทำงานคลุกคลีในแดนอีสานใต้มานานนับสิบปี ยืนยันว่าเป้าหมายของการจุดบั้งไฟสู่ท้องฟ้าในปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่ได้จุดเพื่อขอฝนตามเทศกาลเหมือนเมื่อก่อน แต่มีเป้าประสงค์อย่างเดียวนั่นคือ “พนัน”
ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นประเพณีของคนอีสาน จัดขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. และ มิ.ย. เพื่อเป็นการบูชา “พระยาแถน” ขอฝนตามความเชื่อ แต่ช่วงหลังการพนันเข้ามาทำให้ประเพณีดั้งเดิมมัวหมอง
กลุ่มบุคคลที่ตำรวจจับตาดูเพราะไปทำมาหารับประทานอยู่กับการพนันบุญบั้งไฟในอีสานใต้มีอยู่ 5 กลุ่ม คนพวกนี้กำลังทำให้ “งานบุญ” เต็มไปด้วย “ผีพนัน” จนชาวบ้านต้องเสียเงินเสียทองไปกับการเสี่ยงดวงติดจรวดพื้นบ้าน
คนทั้ง 5 กลุ่มถูกขนานนามว่าเป็นผู้จัดการพนันบั้งไฟ รู้จักกันอย่างกว้างขวางในดินแดนอีสานใต้ โดยเฉพาะในเขตยโสธร ศรีสะเกษ สุรินทร์ และร้อยเอ็ด รวมไปถึงอุบลราชธานีบางส่วน
ประกอบด้วย 1.กลุ่มของ สจ.ชื่อดังคนหนึ่งร่วมกับเพื่อนนักการเมืองท้องถิ่น เคลื่อนไหวตั้งบ่อนบั้งไฟอยู่ในเขต จ.ยโสธร 2.กลุ่มของชายคนหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อของ “แก๋แด๋” เคลื่อนไหวเป็นขาใหญ่อยู่ใน อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร 3.กลุ่มของ “หมอเอก” คนในพื้นที่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
4.กลุ่มของ “เจ๊บี” คนพื้นที่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ร่วมมือกับนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่งใน จ.สุรินทร์ แก๊งนี้นับเป็นขาใหญ่ เพราะมีสีกากีคอยดันหลัง สุดท้ายกลุ่มที่ 5 “เสี่ยเหม็น” นายทุนขาใหญ่ในเขต อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ มีอิทธิพลไม่แพ้กัน
“ทั้ง 5 กลุ่มจะเคลื่อนที่ไปจัดการแข่งขันพนันบั้งไฟในจังหวัดต่างๆ มีการพูดจากันในกลุ่มเพื่อไม่ให้แย่งลูกค้ากันเอง แต่ละครั้งจะจัดกัน 2-3 วัน ยิงบั้งไฟวันละ 30-50 ดอก แต่ละดอกรวมเงินพนันกันเป็นหลักล้านขึ้นไป หากคำนวณโดยรวมแล้วในแต่ละวันจึงมีเงินพนันหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 30-50 ล้านบาทเลยทีเดียว” พ.ต.ท.นิรันดร์ บอก
วิธีเล่นจะเริ่มจากผู้จัดจะใช้รถโฆษณาไปตามหมู่บ้านให้ชาวบ้านมารวมตัวกัน เมื่อถึงวันแข่งขันจะมีคณะกรรมการกลางขึ้นมา 1 ชุดเป็นผู้คัดเลือกและตัดสิน โดยการแข่งขันคณะกรรมการจะจับเวลาจากที่บั้งไฟพุ่งลอยอยู่เหนือท้องฟ้าว่าขึ้นไปกี่นาทีจึงระเบิดหรือตกลง
สำหรับวิธีพนันจะให้คนที่มาร่วม “เล่นพนันกันเอง” บรรยากาศจึงคล้ายกับสนามมวยที่ให้ผู้เล่นจับพนันกันเอง การแทงจะเริ่มจากผู้ที่เสนอว่าบั้งไฟดอกนั้นจะถูกจุดขึ้นไปโดยใช้เวลากี่นาที เมื่อเสนอเวลาแล้วชาวบ้านที่มาพนันก็จะเลือกว่าจะ “แทงยั้ง” หรือ “แทงไล่” หากแทงยั้งก็หมายถึงเวลาของบั้งไฟดอกนั้นต้องต่ำกว่าเวลาที่เสนอ ในทางกลับกันหากแทงไล่ก็หมายถึงเวลาของบั้งไฟมากกว่าเวลาที่เสนอไว้ในตอนแรก
ผู้เสนอเวลาจะเป็นใครก็ได้แล้วแต่ผู้พนันจะเลือก และอาจจะพนันกันมากกว่าเจ้าเดียวก็ได้ จึงทำให้การจุดบั้งไฟแต่ละดอกมีวงเงินพนันจำนวนมาก ส่วนการเสนอเวลาผู้เสนอจะพิจารณาจากเจ้าของหรือผู้ผลิตบั้งไฟ และดินปืนที่ใช้ในการขับเคลื่อน
โดยคณะกรรมการจะประกาศว่าบั้งไฟที่จะจุดต่อไปเป็นของเจ้าใด และเป็น “บั้งไฟหมื่น” หรือ “บั้งไฟแสน” โดยคำว่าหมื่นและแสน คือตัวบอกน้ำหนักดินปืนในความหมายของชาวบ้านในวงการบั้งไฟ ที่ไม่ได้หมายถึงมาตรวัดในระบบเมตริกที่เราคุ้นกันอยู่
พ.ต.ท.นิรันดร์ เล่าว่า การจัดพนันหากเป็นนัดใหญ่ๆ จะมีชาวบ้านมาชมและพนันหลายหมื่นคนทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่งานพนันบั้งไฟจะมีบริษัทประกันภัยรายใหญ่ๆ มารับประกันภัยหมู่เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการระเบิดของบั้งไฟที่มีให้เห็นอยู่ในแต่ละปี
การจัดแต่ละครั้งผู้จัดจะได้เงินจำนวนมากจากค่าบัตรเข้าชม ค่าเช่าพื้นที่ขายอาหารและน้ำดื่ม ค่าจอดรถ ค่าเช่าเก้าอี้ ที่สำคัญผู้จัดก็ยังรับพนันเองด้วย
จากข้อมูลของกองปราบปรามยังบอกด้วยว่า สถานที่จัดแสดงบั้งไฟและนิยมจัดทำบั้งไฟนั้นอยู่ในพื้นที่ อ.ยางชุมน้อย ราษีไศล และเมือง ของ จ.ศรีสะเกษ อ.ค้อวัง และมหาชนะชัย ของ จ.ยโสธร อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด และ อ.เขื่องใน และวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ส่วนผู้ผลิตบั้งไฟที่มีชื่อเสียงถูกจัดอันดับโดยชาวบ้านที่เรียกว่าเป็น “ท็อปเทน” ประกอบด้วย พยัคฆ์อีสาน, แอ๊ด เทวดา, สุริโยทัย, เสือโหย, เทพพนม, เทพเวลา, ท้าวมีชัย, เพชร สร้างปี่, หนึ่งเดียว ห้วยขะยูง และบอย อุบลฯ
“น่าตลกนะครับ ในหมู่ผู้จัดหรือชาวบ้านที่นิยมเล่น ต่างภูมิใจกันว่าเขาสามารถจัดเล่นพนันได้โดยไม่ถูกตำรวจจับทั้งที่เล่นกลางแจ้ง บางคนพูดกันถึงว่า ‘พวกผมเจ๋งกว่าบ่อนในกรุงเทพฯอีก ที่นี่ได้เสียกันหลายสิบล้านต่อวัน’ เขาพูดกันถึงขนาดนั้น” สารวัตรนิรันดร์ บอก
เขายอมรับว่า แม้จะเคยจับกุมการเล่นพนันบั้งไฟ แต่การจับกุมเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีคนร่วมเล่นกันจำนวนมาก จับแต่ละครั้งจะต้องใช้กำลังตำรวจแทบทั้งจังหวัด และก็จับได้จำนวนน้อยหากเทียบกับจำนวนคนที่มาเล่นพนัน เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง การเคลื่อนกำลังเข้าไปจับกุมแต่ละครั้งจึงเสี่ยงต่อ “ข่าวรั่ว” นำมาสู่การคว้าน้ำเหลว!!!


