posttoday

ชีวิตพลิกผัน

11 มิถุนายน 2559

ราวปี ค.ศ. 1967 (พ.ศ. 2510) มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม จะบอกว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญ

โดย...ซิวซี แซ่ตั้ง

ราวปี ค.ศ. 1967 (พ.ศ. 2510) มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเกิดขึ้นกับครอบครัวของผม จะบอกว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญ หรือเรื่องของดวงก็แล้วแต่ แต่สิ่งสำคัญคือ ความรู้ของ “ภวัฒน์” ลูกชายคนโตของผมเขาใช้ความรู้ด้านเคมีมาช่วยงานด้านนี้ นั่นคือ การผลิตลูกกลิ้งยางถ่วงอวนลาก ทุกอย่างผสมผสานกันอย่างลงตัวและกลายเป็นกุญแจดอกสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตของผมไปเลย และผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้น ทำให้ผมมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น สามารถนำเงินจากกำไรที่ได้ไปจ่ายหนี้สินได้อย่างไม่ติดขัด

ในช่วงนั้นภวัฒน์กำลังเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งขณะที่เขายังเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นนั้น ภวัฒน์มีความสนใจธุรกิจที่ผมทำอยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะช่วงที่ผมทำธุรกิจนำเข้าส่งออก เขาคอยถามเสมอว่า “ดีไหม เป็นยังไงบ้าง”

ผมมักเล่าในสิ่งที่ผมรู้ รวมไปถึงปัญหาให้เขาฟัง บางทีเขาก็ออกจะเครียดๆ บ้าง เพราะรับรู้ว่าพ่อต้องแบกรับภาระ และเจออุปสรรคมากมาย ภวัฒน์มีทีท่าว่าอยากเข้ามาช่วย และต้องการแบ่งเบาภาระครอบครัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ นอกจากนั้นเขายังเป็นตัวอย่างที่ดีของบรรดาน้องๆ ที่ยังเด็กอยู่

ผมเองก็เห็นแววเอาจริงเอาจังเรื่องธุรกิจของเขาตั้งแต่ตอนนั้น แต่ความที่ผมไม่ค่อยมีความรู้ในธุรกิจที่ทำ จึงบอกเขาแต่เพียงว่า “เราจะรวยๆ” เพื่อปลอบใจตัวเองและทำให้ลูกสบายใจ

หากพูดถึงเรื่องความอยากรวย ในตอนที่ผมยังมองไม่เห็นว่าธุรกิจอะไรจะทำให้ผมร่ำรวยได้ผมพุ่งเป้าไปที่สลากกินแบ่งหรือชาวบ้านเรียกว่าลอตเตอรี่ ผมมีความหวังว่า จะถูกรางวัลใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ซื้อแบบทุ่มเทอะไร เพียงแต่ซื้อไว้ทุกงวด งวดละหนึ่งใบเท่านั้น ได้ลุ้นทุกงวดแต่ไม่เคยถูก เราเลยได้แค่คิดว่า “เราจะรวยๆ” แต่ไม่เคยได้ “รวยจริงๆ” คำว่า “เราจะรวย” ที่เราพูดกันในตอนนั้น กลายเป็นเรื่องที่เราสองคนพ่อลูกเอามาพูดถึงด้วยความขบขัน ในวันที่เราคาดว่าสิ่งที่ทำจะประสบความสำเร็จ

เมื่อภวัฒน์เรียนอยู่ในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย เขากลายเป็นกำลังสำคัญช่วยกิจการของครอบครัว ทั้งด้านแรงกาย และพลังความคิดเสมอๆ โดยภวัฒน์จะประสานงานกับวราพิณ ที่ต้องตระเวนติดต่อธุรกิจให้ผมไม่ได้หยุดหย่อน ส่วนชิวบ๊วยก็ต้องดูแลกิจการที่บ้านไม่ให้ขาดตกบกพร่อง

ภวัฒน์นั้นเรียนหนักและเรียนภาษาจีนควบคู่ไปด้วย เขาต้องออกไปโรงเรียนตั้งแต่ 7 โมงเช้า จากนั้นเมื่อโรงเรียนเลิกแล้ว ก็ต้องไปเรียนภาษาจีนต่ออีกจนถึง 3 ทุ่ม โดยเสียค่าเรียนเดือนละ 50 บาท บางเดือนไม่มีเงินจ่ายค่าเรียนก็ต้องอาศัยเพื่อนๆ ช่วยออกเงินจ่ายค่าเล่าเรียนให้ก่อน แต่ภวัฒน์ใจสู้เรื่องการเรียน เพราะตอนนั้นเขาเริ่มเห็นคุณค่าของความรู้และความเข้าใจที่ได้จากตำราเรียนในเรื่องวิทยาศาสตร์และเคมี ในขณะเดียวกันก็อ่านตำราภาษาจีนต่างๆ ได้จนเข้าใจและแตกฉาน ทำให้เขาสามารถขยับเข้าสู่ความรู้ในด้านนี้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพราะเขาเก่งหลายภาษา สามารถอ่านตำราต่างๆ ข้ามภาษาได้

ภวัฒน์นำตัวเข้าไปคลุกคลี และเรียนรู้กับตำราระดับโลก ที่พูดถึงเรื่องเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างจริงจัง จนก่อให้เกิดเป็นความแตกฉาน แต่ความรู้ดีก็ต้องอาศัยโชคเข้าช่วยด้วยอีกแรงหนึ่ง แม้ภวัฒน์จะเข้าถึงทฤษฎีต่างๆ ได้มากมาย แต่ถ้าไม่มีจังหวะหรือโชคที่ดีแล้ว เส้นทางของเขาคงไปทางด้านนักวิชาการมากกว่าจะเป็นนักอุตสาหกรรมเช่นในทุกวันนี้

การก้าวเข้าสู่ธุรกิจผลิตลูกกลิ้งยางถ่วงอวนของผมนั้น เป็นไปแบบไม่คาดฝัน เมื่อจู่ๆ คนขายเศษยางให้ผมเข้ามาหา แล้วเสนอขายแม่พิมพ์ลูกกลิ้งยางถ่วงอวนลากให้ผมด้วยราคา 5,000 บาท เนื่องจากเขาไม่ต้องการลงทุนเอง ทำให้ผมมีโอกาสเป็นเจ้าของแม่พิมพ์ลูกกลิ้งยางถ่วงอวนลาก

แม้ยามนั้นผมยังไม่ค่อยมีเงิน แต่ด้วยสัญชาตญาณนักธุรกิจที่เล็งเห็นว่าน่าจะดี เพราะถ้าทำสำเร็จจะมีลูกค้าจำนวนมาก ตลาดสินค้าประเภทนี้กว้างขวาง เป็นสินค้าที่ธุรกิจประมงอวนลากจำเป็นต้องใช้ ซึ่งการทำประมงลากอวนแต่ละครั้ง กินพื้นที่กว้างใหญ่ในทะเล ถ้าทำได้คงมีลูกค้าจำนวนมากแน่ แต่เส้นทางการทำลูกกลิ้งยางถ่วงอวนลากไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผลิตออกมาแล้วใช้ได้พอดี ปัญหาหลักด้านคุณภาพคือ รูลูกกลิ้งยางตีบตัน ซึ่งเป็นปัญหาในตลาดทุกเจ้าผลิตออกมามีปัญหาบ้างไม่มากก็น้อย ลูกค้าบางรายต้องเอาแท่งเหล็กแช่ไฟให้ร้อนแล้วมาแยงรูลูกกลิ้งจนสามารถใส่เชือกอวนได้

ภวัฒน์ได้แก้ไขจนสำเร็จ ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ คือการมีแกนเหล็กมากพอให้ค้างอยู่ในลูกกลิ้งในระหว่างผลิต ซึ่งร้อนราว 150 องศาเซลเซียส จนลูกกลิ้งเย็นเพียงพอ (ต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส) แล้วค่อยเอาแกนออก ลูกกลิ้งที่ผลิตจากเราตอนหลังไม่มีรูตีบตันเลย ขณะที่คู่แข่งอื่นๆ ยังมีรูตีบตันเหมือนเดิม ทำให้ลูกค้าพอใจมาก

แรกๆ เราทำลูกกลิ้งยางถ่วงอวนลากได้แค่วันละ 100 ลูกต่อเครื่องเท่านั้น (ราคาลูกละประมาณ 3 บาท) ต่อมาจึงได้พัฒนาการผลิต เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นวันละ 600 ลูกต่อเครื่อง และสูงขึ้นไปอีก จนต้องใช้เครื่องอัดขึ้นรูปยางเป็นระบบไฮดรอลิกแทนระบบเก่า ที่ใช้มือหมุนอัดขึ้นรูปยาง โดยที่ส่วนใหญ่เป็นการคิดค้นของภวัฒน์ทั้งนั้น และเท่าที่ทราบ คู่แข่งของเราทำได้เพียงวันละ 100-200 ลูกต่อเครื่องเท่านั้น เราจึงมีต้นทุนต่ำกว่า และมีกำลังผลิตมากกว่า

(อ่านต่อฉบับวันเสาร์หน้า)

ข่าวล่าสุด

พาณิชย์ จับมือ LINE หนุน SMEs ไทยใช้ทรัพย์สินทางปัญญา รุกตลาดออนไลน์