posttoday

ชานหมากวิเศษ หลวงปู่สี

17 เมษายน 2559

หลวงปู่สี ฉันทสิริ อีกหนึ่งพระเถราจารย์แห่งวัดเขาถ้ำบุญนาค ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

โดย...เอกชัย จั่นทอง

หลวงปู่สี ฉันทสิริ อีกหนึ่งพระเถราจารย์แห่งวัดเขาถ้ำบุญนาค ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่มีผู้คนศรัทธาเคารพนับถือจากลูกศิษย์ทั่วประเทศ ถือเป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่มีเรื่องราวประวัติปาฏิหาริย์อย่างน่าสนใจหลายเรื่องในช่วงที่ท่านยังมีลมหายใจอยู่

สำหรับประวัติของหลวงปู่สี ฉันทสิริ พระเถราจารย์ ที่มีอายุยืนยาวที่สุดรูปหนึ่งถึง 128  ปี ถือได้ว่าท่านเป็นพระเถราจารย์ 7 แผ่นดิน ท่านเป็นชาว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ เกิดปีจอ พ.ศ. 2392 ตรงกับสมัยของรัชกาลที่ 4 ส่วนเกิดวัน เดือนใด ท่านไม่เคยบอก

เมื่ออายุ 21 ปี ท่านถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร เมื่อปลดจากการเป็นทหารแล้ว ท่านยึดอาชีพค้าวัว ค้าควาย และเป็นพรานอยู่แถวช่องแค-ตาคลี ซึ่งแต่เดิมมีสภาพเป็นป่าดงดิบ และยังไม่ได้ตั้งเป็น อ.ตาคลี ต่อมาเมื่อมีการใช้นามสกุลขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ตระกูลของท่านได้ใช้นามสกุลว่า “ดำริ”

ชีวิตตอนเป็นหนุ่ม ท่านเป็นคนจริงไม่เคยเกรงกลัวใคร ท่านใช้ชีวิตความเป็นหนุ่มอยู่นานหลายปี จนกระทั่งเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบท โดยท่านบอกว่า ท่านบวชที่วัดบ้านเส้า อ.บ้านเส้า (อ.บ้านหมี่ ในปัจจุบัน) โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์

หลวงปู่ถือปฏิบัติในการออกธุดงค์ตลอดเวลาที่ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง หลวงปู่เคยเล่าว่าท่านออกธุดงค์ไปทั่วประเทศไทย เหนือ ใต้ ตะวันตกยันตะวันออก ออกเดินธุดงค์ไปฝั่งประเทศลาว จำพรรษาอยู่ในลาวหลายปี ก่อนจะเดินทางเข้าไปธุดงค์ในประเทศเมียนมาต่อเนื่องไปยังประเทศอินเดีย เพื่อนมัสการสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา

ท่านเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อตอนเดินไปธุดงค์ในภาคเหนือ เพื่อจะไปนมัสการพระบาทสี่ร้อย เมืองเชียงตุง ประเทศเมียนมา ท่านเดินหลงป่าโดยไม่ได้ฉันอาหารเลยเป็นเวลากว่า 7 วัน จนรุ่งเช้าของวันที่ 8 ได้มีช้างป่านำหัวบัวและอ้อยมาถวายท่าน ท่านจึงนำหัวบัวมาต้มกับน้ำอ้อยเพื่อฉัน นอกจากนี้ช้างตัวเดิมยังนำทางหลวงปู่สีไปจนพบกับชาวบ้านในป่า

นอกจากนี้ หลวงปู่สียังบอกด้วยว่า ตอนเดินอยู่ในป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ ได้พบชายหญิงกำลังกินอะไรกันอยู่สักอย่าง ท่านจึงเดินเข้าไปสอบถามว่า ทำอะไรกันหรือ ทั้งสองตอบสวนมาว่า กำลังกินยาอายุวัฒนะกันอยู่ แต่หลวงพ่อมาช้าไปยาหมดเสียแล้ว จะมีเหลืออยู่ก็ตามใบไม้เท่านั้นเอง และชายหญิงคู่นั้นก็ได้เก็บยาที่ติดตามใบไม้ให้หลวงปู่สีได้ฉัน มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ซึ่งท่านบอกว่าที่ท่านมีอายุยืนก็เพราะยานี้แหละ และยานี้ยังทำให้ท่านมีร่างกายแข็งแรง ไม่หลงลืมเหมือนคนแก่ทั่วไป

สำหรับการออกเดินธุดงค์ของหลวงปู่สีนั้น หลานชายของท่านคนหนึ่งเคยติดตามไปด้วย และได้เล่าเรื่องราวอย่างน่าสนใจว่า ในสมัยนั้นเป็นสามเณรได้ติดตามหลวงปู่ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี โดยพักค้างแรมที่พระพุทธบาท จนกระทั่งรุ่งเช้าฉันอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ท่านก็ได้ออกเดินทางกลับตาคลีทันที โดยหลวงปู่บังคับให้ผู้เล่าเรื่องเดินออกหน้าตลอดเวลา ส่วนหลวงปู่เดินปิดท้าย ปรากฏว่ามาถึงตาคลีช่วงเวลาฉันเพลพอดี ซึ่งระยะการเดินจากพระพุทธบาทถึงตาคลี ให้เดินเก่งอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะเดินถึงได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน แต่หลวงปู่สี
สามารถพาเดินได้อย่างน่าแปลกใจ

อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เดินธุดงค์อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน หลวงปู่ได้รู้จักพระเกจิอาจารย์มากมาย เช่น หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋ง เพราะมีคนจากตาคลีขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวนแล้วได้พูดถึงหลวงปู่สีให้เขาเหล่านั้นฟัง พ่อค้าในตลาดตาคลีได้ชวนเพื่อนฝูงขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวน เพื่อขอวัตถุมงคล แต่หลวงปู่แหวนไม่ยอมให้ โดยหลวงปู่แหวนบอกกับพ่อค้าตลาดตาคลีกับเพื่อนพวกเขาว่า ที่มากันนั้นดีๆ ไม่เอากัน มาเอากันถึงที่นี่ ทั้งหมดจึงถามหลวงปู่แหวนว่า ที่หลวงปู่พูดถึงน่ะหลวงพ่ออะไรครับ หลวงปู่แหวนจึงตอบไปว่า ในคอพวกเอ็งก็ยังคล้องกันมาเลย ปรากฏว่าพ่อค้าและพวกมีคนคล้องพระไปเพียงคนเดียว และพระที่คล้องไปนั้นคือเหรียญหลวงปู่สี เมื่อทั้งหมดเดินทางกลับมายังตาคลีก็รีบพากันมาเช่าเหรียญหลวงปู่สีกันยกใหญ่

ส่วนเรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงปู่สีนั้น ย่อมมีอย่างแน่นอน เมื่อปี 2513 มีลูกศิษย์เดินทางมากราบท่านถึงวัดเพื่อขอของขลังไว้ป้องกันตัว บ้างก็มาหาเลขเด็ดเพื่อแทงหวยกัน มีผู้ขอหลวงปู่สีว่ามีของดีอะไรบ้าง อยากจะได้เอาไว้ป้องกันตัว ตอนนั้นหลวงปู่สีกำลังนั่งกินหมากอยู่พอดี ท่านก็คายชานหมากออกมาใส่ผ้าเหลืองที่ท่านใช้ทำเป็นผ้าขี้ริ้วแล้วผูกส่งให้ผู้ขอของขลังรายนั้น ก่อนจะบอกว่า “ห้ามแกะออกนะ หากใครเขาอยากยิงมึง มึงก็แหกก้นให้มันยิงเลย สามวันสามคืนก็ไม่ถูกมึง”

เมื่อกลับถึงบ้านตั้งวงนั่งคุยกับเพื่อน ก็มีพ่อค้าชาวปาทานในตลาดตาคลีนั่งฟังอยู่จึงขอลอง ผู้รับมอบชานหมากมาจึงให้ไป ก่อนจะนำไปคล้องคอไก่แล้วยิงด้วยปืนขนาด .38 ระยะห่างเพียงวาเศษเท่านั้น ยิงไปทั้งหมด 6 นัดไม่ถูกไก่เลยแม้แต่นัดเดียว ทั้งที่พ่อค้ารายนี้ยิงปืนแม่นมาก

อีกเหตุการณ์น่าสนใจ คราวเมื่อหลวงปู่สีล้มป่วย คณะศิษย์ได้นำไปรักษาที่โรงพยาบาลกองบิน 4 ก่อนที่แพทย์จะนำหลวงปู่เข้าเครื่องฉายเอกซเรย์ แต่เมื่อล้างฟิล์มออกมาแล้วไม่ปรากฏร่างของหลวงปู่เลย
จึงสร้างความแปลกใจแก่แพทย์อย่างมาก

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา