posttoday

พระแก้วมรกตเครื่องทรง 3 ฤดู

27 มีนาคม 2559

การเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ถือเป็นพระราชประเพณี

โดย...เอกชัย จั่นทอง

การเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ถือเป็นพระราชประเพณีที่ยึดถือสืบต่อกันมาแต่โบราณกาลของพระมหากษัตริย์ไทยทุกยุคสมัย โดยในแต่ละปีการจะเปลี่ยนเครื่องให้ครบตาม 3 ฤดูของประเทศไทย ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว ซึ่งเชื่อว่าหลายคนเคยเห็นและรับรู้ถึงประเพณีอันงดงามนี้ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน

สำหรับพระราชพิธีเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในสมัยนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องทรงถวายพระแก้วมรกตสำหรับฤดูร้อนและฤดูฝน และโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนเครื่องทรงตามฤดูกาล ต่อมาครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องทรงสำหรับฤดูหนาว จึงทรงเครื่องทรง 3 ฤดูกาลมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนลักษณะของพระแก้วมรกตนั้น เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 43 เซนติเมตร หรือ 17 นิ้ว สูง 55 เซนติเมตร หรือ 21 นิ้วภายใต้ฐานที่ประทับมีเศษแก้วไม่ได้ตัดให้เรียบยื่นยาวออกไปสำหรับบังคับให้ต้องวางบนพื้นที่เจาะ เพื่อไม่ให้องค์พระเคลื่อนจากที่ตั้ง โดยมีความยาว 28 เซนติเมตร นอกจากนี้ บนพระอุณาโลม (จุดกลางระหว่างคิ้ว) ของพระแก้วมรกต เดิมมีเพชรเม็ดเล็กๆ ฝังอยู่ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งศรัทธาในองค์พระแก้วมรกตมาก ได้บริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์ถวายเพชรเม็ดใหญ่ขนาดเท่าเม็ดบัว น้ำบริสุทธิ์งดงามมาเปลี่ยนใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2397

โดยเมื่อครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี สำนักพระราชวังได้ทำการบูรณะซ่อมแซมเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรทั้ง 3 ฤดู เฉพาะในส่วนที่ชำรุดเนื่องจากได้ใช้งานต่อเนื่องมาโดยตลอด ต่อมาในภายหลังพบว่าเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรชำรุดมากขึ้นควรจะต้องซ่อมแซมอีก แต่ด้วยความที่เครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรชุดนี้เป็นยอดฝีมือของช่างโบราณช่วงสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาต่อกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จึงไม่สามารถหาช่างฝีมือซ่อมแซมให้เหมือนเดิม หรือทำให้เกิดความกลมกลืนทั้งในด้านวัตถุและฝีมือได้

กรมธนารักษ์ สำนักพระราชวัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรอนุรักษ์และรักษาเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรชุดเดิมไว้ให้เป็นศิลปกรรมและมรดกอันล้ำค่าไม่ให้ชำรุดมากขึ้นกว่าเดิม และได้จัดสร้างเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรชุดใหม่ขึ้น เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีผลัดเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรตามโบราณประเพณีขึ้นเพื่อเป็นการทดแทน ถวายเป็นพุทธบูชา และเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีกาญจนาภิเษก พ.ศ. 2539

การจัดสร้างเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรชุดใหม่ ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2539 ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรฤดูหนาว เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2540 ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรฤดูร้อน และวันที่ 20 ก.ค. 2540 ทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรฤดูฝน

สำหรับเครื่องทรงชุดเดิมได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นโบราณวัตถุอันล้ำค่าและจัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และเครื่องทรงชุดใหม่ชุดใดที่มิได้ทรงจะเก็บรักษาและจัดแสดงไว้ที่ศาลาเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ไทย ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อให้ประชาชนได้ชื่นชม

ส่วนเรื่องช่วงเวลาการเปลี่ยนเครื่องทรงของพระแก้วมรกต จะถือกำหนดเวลาดังนี้ ฤดูร้อน กำหนดวันแรม 1 ค่ำ เดือน 4 หรือราวเดือน มี.ค. ฤดูฝน กำหนดวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือราวเดือน ก.ค. และฤดูหนาว กำหนดวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 หรือ พ.ย. โดยเครื่องทรงของพระแก้วมรกตทั้ง 3 ชุด มีความวิจิตรงดงามตระการตา เป็นศิลปกรรมที่เต็มไปด้วยคุณค่า หาดูได้ยาก โดยแต่ละชุดมีลักษณะและส่วนประกอบต่างกันไป

องค์ประกอบของเครื่องทรงพระแก้วมรกตชุดปัจจุบันนั้น ฤดูหนาว ใช้อัญมณีในการจัดสร้างเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรฤดูหนาว ชุดใหม่ รวมทั้งหมด 15,868 เม็ด น้ำหนัก 2,863.44 กะรัต น้ำหนัก 572.68 กรัม น้ำหนักลงยา 27.69 กรัม น้ำหนักทองสุทธิ 5,579.50 กรัม รวมน้ำหนักเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรฤดูหนาวชุดใหม่ 6,179.87 กรัม

ฤดูร้อน ใช้อัญมณีในการจัดสร้างเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรฤดูร้อน ชุดใหม่รวมทั้งหมด 6,297 เม็ด น้ำหนัก 2,132.81 กะรัต น้ำหนัก 426.56 กรัม น้ำหนักลงยา 166.24 กรัม น้ำหนักทองสุทธิ 7,145.00 กรัม รวมน้ำหนัก 7,737.80 กรัม

ฤดูฝน ใช้อัญมณีในการจัดสร้างเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรฤดูฝน ชุดใหม่รวมทั้งหมด 15,388 เม็ด น้ำหนัก 694.98 กะรัต น้ำหนัก 139 กรัม น้ำหนักลงยา 153.54 กรัมน้ำหนักทองสุทธิ 7,913.84 กรัม รวมน้ำหนัก 8,206.38 กรัม

อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานโบราณกาลเชื่อกันว่าเส้นทางที่พระแก้วมรกตได้เคยประดิษฐานอยู่นั้นมีด้วยกันหลายแห่ง และพบข้อมูลว่าพระแก้วมรกตเคยประดิษฐานอยู่ที่ไชยา (ปาฏลีบุตร) รวม 140 ปี นครศรีธรรมราช (ตามพรลิงค์) รวม 32 ปี นครวัด (เขมร) รวม 113 ปี ลพบุรี (ละโว้) รวม 47 ปี อโยธยา (อู่ทอง) รวม 138 ปี กำแพงเพชร รวม 170 ปี เชียงราย รวม 119 ปี ลำปาง รวม 4 ปี เชียงใหม่ รวม 73 ปี หลวงพระบาง (ลาว) รวม 12 ปี เวียงจันทน์ (ลาว) รวม 215 ปี ธนบุรี รวม 5 ปี และกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2327 จนถึงปัจจุบัน ราว 230 ปี จากตัวเลขดังกล่าวทำให้เชื่อว่าพระแก้วมรกตมีอายุประมาณราว 1,300 ปี