ประวิตร ชน พะจุณณ์ สัญญาณร้าวเขย่า คสช.
สัญญาณร้าวตั้งเค้าบานปลาย เมื่อ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดหน้าชน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ตอบโต้กรณีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
สัญญาณร้าวตั้งเค้าบานปลาย เมื่อ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดหน้าชน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ตอบโต้กรณีการซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ซึ่งถือเป็นการเติมเชื้อให้ “ศึกใน” กลับมาระอุยิ่งขึ้น แถมสุ่มเสี่ยงสั่นคลอนเสถียรภาพคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รุนแรง
ปมปัญหามาจากการทิ้งระเบิดลูกโตผ่านข้อความในโซเชียลมีเดียว่า มีการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พาดพิงนายทหารยศพลเอกคนหนึ่ง จนทำเอาคนที่เกี่ยวข้องเต้นกันทั้งแผง เพราะในยุคเปลี่ยนผ่านเช่นนี้ ควรจะต้องแก้ปัญหาในอดีตและสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้เป็นตัวอย่างต่อไป
ทำให้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะคีย์แมนใน คสช.ปัจจุบันมีหมวกหลายใบ ทั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รมว.กลาโหม และยังเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แถมยังมีน้องชาย คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ต้องออกมา “ตัดตอน” ปฏิเสธข้อครหาเพื่อไม่ให้ทุกอย่างบานปลายไปกว่านี้
“ถ้าผมยังอยู่ ไม่มีซื้อขายตำแหน่ง แต่อาจมีพวกตกเบ็ด ว่าฝากคนนั้นคนนี้ได้ คนที่เชื่อก็ซวยไป” พล.อ.ประวิตร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ตอนนี้ตำรวจกำลังปฏิรูปทุกด้านตามนโยบายนายกฯ หลายอย่างดีขึ้น เรื่องการทำคดี ซึ่ง ผบ.ตร.ก็กำลังทำอยู่ ตำรวจทุกคนก็ทำงานอย่างหนัก การปราบปรามมิจฉาชีพ การทำคดี
พร้อมส่งสัญญาณไล่บี้ถึง ผบ.ตร.ต้องแจ้งเอาผิด เพราะเป็นการกล่าวหาว่ามีการซื้อตำแหน่งตำรวจ ถือเป็นการทำลายองค์กรตำรวจทำให้เกิดความเสียหาย
ล่าสุด พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หน่วยงานรับผิดชอบเกี่ยวกับการกระทำผิดหมิ่นประมาททางคอมพิวเตอร์ เปิดเผยว่า ได้ออกหมายเรียก พล.ร.อ.พะจุณณ์ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 มี.ค.
ขั้นตอนต่างๆ ต่อจากนี้ ต้องรอให้ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาพบก่อน ถ้าถึงวันนั้นไม่มาจะสอบถาม หากมีเหตุผลเพียงพอจะนัดใหม่อีกครั้ง แต่หากออกหมายเรียกไป 2 ครั้งแล้วยังไม่มา จะขอออกหมายจับต่อไป
ทางฝั่ง พล.ร.อ.พะจุณณ์ ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า ถ้ามีหมายเรียก ก็พร้อมไปพบเจ้าหน้าที่ โดยจะไปให้การในวันที่ 10 มี.ค.นี้ และพร้อมไปขึ้นศาล ขอให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ขอยืนยันว่าไม่ใช่ต้นตอ เป็นการส่งต่อๆ กันมาในแอพพลิเคชั่นไลน์
ก่อนทิ้งปมเรื่องการซื้อขายตำแหน่งว่า ไม่ทราบและไม่รู้ว่าพูดถึงใคร ที่สำคัญเมื่อถามถึงความขัดแย้งไม่ลงรอยกันในกองทัพและรัฐบาลนั้น พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ให้ไปถามประชาชน ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะกลัวจะเสียงานใหญ่
ยิ่งตอกย้ำสภาพรอยร้าวภายในที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะลึกๆ แล้ว การเปิดหน้าชนของ พล.ร.อ.พะจุณณ์ รอบนี้ต้องเรียกว่าไม่ธรรมดา ด้วยสถานะคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ แถมยังเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 12 (ตท.12) ร่วมรุ่นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เคยรับตำแหน่งสำคัญในคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)
ปมร้าวจากกรณีเปิดปมการซื้อขายตำแหน่งใน สตช. จึงอาจส่งผลรุนแรงสั่นคลอนเสถียรภาพ คสช.
ที่สำคัญเรื่องนี้ บิ๊กป้อม พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ ออกมาเปิดหน้าชนด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้สถานการณ์ตั้งเค้าจะบานปลายรุนแรง ซึ่งจะไปตอกย้ำสภาพปัญหา “ศึกใน” ที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย ดังนั้นการเติมเชื้อความขัดแย้งเข้าไปใหม่ยิ่งจะทำให้เสถียรภาพสั่นคลอนหนักขึ้น
ชวนให้นึกถึงกระแสข่าวความไม่พอใจท่าทีของบิ๊กป้อมก่อนหน้านี้ ที่เคยถูกกังขาว่าอยู่ในช่วงสั่งสมบารมี เดินตามรอยเท้าป๋า จนสร้างแรงกระเพื่อมในกองทัพอยู่ไม่น้อย
สอดรับกับกระแสข่าวเรื่อง “ซูเปอร์ดีล” ระหว่าง คสช.กับขั้วอำนาจเก่า เพื่อเตรียมหาทางสลายความบาดหมาง ขัดแย้ง เพื่อเปิดประตูเดินหน้าสู่การปรองดอง แต่อีกด้านหนึ่งกลับถูกมองว่าเป็นการฮั้วของสองขั้วอำนาจ
ดังจะเห็นว่าอีกฟากหนึ่ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เริ่มจุดประเด็นการเจรจา ที่แม้คนใน คสช.จะรีบออกมาปฏิเสธข้อเสนอ ป้องกันข้อครหาเรื่องการต่อรอง แต่ก็ยังไม่อาจปักใจเชื่อ มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาดักคอล่วงหน้า ทั้งกลุ่มเสื้อเหลือง พันธมิตรฯ กปปส. ที่เห็นว่าควรใช้โอกาสเดินหน้าคดีความต่างๆ ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
เพราะหากใช้ช่องทางพิเศษเดินหน้าล้างผิดด้วยกระบวนการต่างๆ นอกจากจะไม่อาจสร้างความปรองดองได้แล้ว ยังอาจสร้างความขัดแย้งที่รุนแรงและซับซ้อนมากยิ่งขึ้นแทน
ความขัดแย้งระหว่าง พล.อ.ประวิตร และ พล.ร.อ.พะจุณณ์ จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำความขัดแย้งในกองทัพที่ยังมีอยู่ต่อเนื่อง แถมรอบนี้ดูทิศทางลมแล้วน่าจะรุนแรงถึงขั้นเขย่าเสถียรภาพของ คสช.ได้มากกว่าทุกครั้งในอดีต