posttoday

คสช.อุ้มยาง ซื้อเวลา ลดแรงต้าน

15 มกราคม 2559

ในที่สุดรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ต้องงัดมาตรการซื้อยางนำตลาดอีก 2-3 บาท

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ในที่สุดรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ต้องงัดมาตรการซื้อยางนำตลาดอีก 2-3 บาท เพื่อคลี่คลายแรงกดดันจากเกษตรกรชาวสวนยางที่ออกมากดดันอย่างหนักในช่วงนี้ คู่ขนานไปกับมาตรการช่วยเหลือชาวสวนยางอีกไร่ละ 1,500 บาท คำนวณคร่าวๆ จะทำให้ราคาขยับขึ้นมาประมาณ 40 กว่าบาท/กก.

เรียกได้ว่าเป็น “ทางสายกลาง” ที่ไม่ถึงกับข้อเรียกร้องของเกษตรกรที่ต้องการให้ราคายางอยู่ที่ 60 บาท/กก. ขณะเดียวกันก็เพิ่มขึ้นจากราคาปัจจุบันที่ตกอยู่ราวๆ 3 โลร้อยบาท ​

แน่นอนว่ามาตรการที่ออกมายังไม่เป็นที่พออกพอใจของชาวสวนยาง แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามแก้ปัญหาอย่างจริงจังมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา

​จะเห็นว่าก่อนหน้านี้แนวทางการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำเป็นโจทย์หินที่ทางรัฐบาลยังแก้ไม่ตก ไม่ว่าจะด้วยสภาพปัญหาที่รุนแรงจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ลดลงเรื่อยๆ การผลิตในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ความต้องการยางพาราลดลงอย่างหนัก

ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลจะงัดมาตรการต่างๆ มาบรรเทาความเดือดร้อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ราคาดีขึ้น อีกด้านมาตรการเยียวยาการเบิกจ่ายก็ยังเป็นไปอย่างล่าช้า ยังไม่รวมกับท่าทีไม่รักษาน้ำใจชาวสวนยางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนบรรยากาศเริ่มคุกรุ่น

แรงกดดันสะสมจึงปะทุออกมาในช่วงนี้ ก่อนรัฐบาล คสช.จะต้องออกมาตรการเพื่อมาดับกระแสไม่ให้บานปลายจนกระทบกับปัญหารุมเร้าอื่นๆ ในเวลานี้

แต่เอาเข้าจริงมาตรการที่ออกมายังถูกมองว่าเป็นเพียงแค่การ “ซื้อเวลา” เสียมากกว่าจะสามารถแก้ปัญหาในระยะยาว หรือเห็นผลแบบยั่งยืนได้จริง

ประการแรก งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัดทำให้มาตรการชี้นำตลาดที่ขีดเส้นเบื้องต้น รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรงไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางรวม 1 แสนตัน เป็นเพียงแค่มาตรการเบื้องต้น และชั่วคราว ที่ยากจะพยุงให้ราคาอยู่ในระดับนี้ได้นานนัก ตราบใดที่สภาพปัญหาในเชิงโครงสร้างยังไม่ได้รับการแก้ไข ​

​ดังจะเห็นจากท่าทีของ ทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ​ที่มองว่านี่เป็นการ​ “แก้ปัญหาที่ปลายทาง” เท่านั้น แต่ต้นทางคือผู้ผลิตที่เป็นชาวสวนยางที่ผลิตน้ำยางอยู่ รัฐต้องพยุงราคาที่ต้นทาง

มิหนำซ้ำยังกลัวว่ากลุ่มองค์กรต่างๆ จะได้รับอานิสงส์มากกว่าเกษตรกร ขณะที่เกษตรกรที่เข้าไม่ถึงองค์กรต้องยอมขายให้กับพ่อค้า แล้วถูกกดราคาเหมือนเดิม เพราะน้ำยางนั้นไม่สามารถเก็บไว้นานได้ กรีดออกมาแล้วก็ต้องขายทันที

ประการต่อมา สภาพข้อเท็จจริงที่ยาง 4.7 ล้านตัน ใช้ในประเทศเพียงแค่ 1 ล้านตัน ส่งออก 3 ล้านตันนั้น ย่อมจะทำให้ราคาในประเทศขยับสูงกว่าราคาตลาดโลกได้ในระยะยาว หรือหากทำได้ก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลไปอุดช่องว่าง ซึ่งย่อมสร้างปัญหาอื่นๆ ตามมา

แนวทางการแก้ปัญหาระยะยาวจึงอยู่ที่เร่งรัดจัดตั้งเมืองยาง พร้อมกำหนดโซนนิ่งเพื่อไม่ให้เกิดภาวะยางล้นตลาด ​ที่สำคัญยังต้องใช้กลไก​บริษัทร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือในการพยุงราคายางที่จะทำให้ได้ผลแบบยั่งยืน

แม้กระทั่งเพิ่มความต้องการยางพาราด้วยการเปิดช่องให้ใช้ยางพาราไปประกอบการทำถนน หรือส่งเสริมให้นำไปทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ทั้งหลายเหล่านี้ไม่เห็นความชัดเจน​ ขณะที่มาตรการให้ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และธนาคารกรุงไทย ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการที่มีสัญญาซื้อยางพาราจาก 8 หน่วยงานราชการที่รับซื้อจากผู้ปลูกไปผลิตสินค้าต่อ

​หรือจะให้คลังชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง ที่ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการซื้อยางพาราเก็บไว้ในสต๊อกเพิ่มที่กำลังจะเสนอให้ ครม.เห็นชอบในสัปดาห์หน้าก็เป็นมาตรการที่จะเห็นผลในช่วง​ 1 ปี​ ​แต่ไม่มีหลักประกันว่าจะทำให้ราคาเพิ่มสูงได้มากน้อยแค่ไหน ​

ท่าที​รัฐบาล คสช. ที่ออกมาเร่งแก้ปัญหาราคายางในเวลานี้จึงเห็นว่าเป็นเพียงแค่การแตะในประเด็นปลายทาง ขณะที่ต้นทางแก้ปัญหาระยะยาวยังไม่เห็นความชัดเจน นี่จึงถูกมองว่าเป็นเพียงแค่การซื้อเวลาลดแรงเสียดทานจากกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างหนัก

ข่าวล่าสุด

คิม จอง อึน กำกับดูแลการซ้อมยิงขีปนาวุธร่อนของเกาหลีเหนือ