"วีระ" ร้องปปช.สอบ "อุดมเดช-ศิริชัย" ปมสร้างราชภักดิ์
"วีระ สมความคิด" ยื่นหนังสือ ป.ป.ช. สอบ ‘พล.อ.อุดมเดช-พล.อ.ศิริชัย’ ปมก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ พร้อมขอให้สอบยอดเงินบริจาคด้วย
"วีระ สมความคิด" ยื่นหนังสือ ป.ป.ช. สอบ ‘พล.อ.อุดมเดช-พล.อ.ศิริชัย’ ปมก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ พร้อมขอให้สอบยอดเงินบริจาคด้วย
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และในฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
นายวีระ กล่าวว่า เรื่องนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โครงการอุทยานราชภักดิ์ ที่กองทัพบกเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้างภายในพื้นที่ของกองทัพบก โดยปรากฏหลักฐานจากสื่อมวลชนว่ามีการใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมีการเบิกจ่ายงบกลางไปแล้ว 80% ของวงเงินที่ได้รับการจัดสรร 63.57 ล้านบาท และเงินบริจาคของประชาชน ซึ่งเมื่อเข้ากองทัพบกแล้วถือว่าเป็นเงินของกองทัพบก โดยมีการจัดจ้างโรงหล่อทั้งหมด 6 โรง หล่อพระพระบรมราชานุสาวรีย์ 7 องค์ ใช้งบในการก่อสร้างองค์ละ 41-45 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 287-315 ล้านบาท ปรากฏข้อเท็จจริงว่า อาจมีการหักหัวคิว 10% จากเซียนพระ อ. นอกจากนี้ยังปรากฏว่า พล.ต.สุชาติ พรหมใหม่ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และ พ.อ.คชาชาติ บุญดี อดีตนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกองทัพภาคที่ 3 อาจมีส่วนร่วมในการทุจริตเกี่ยวกับการจัดสร้างอุทยานดังกล่าวด้วย
นายวีระ กล่าวอีกว่า ส่วนในการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างงานปูหินสักการะ บันได และล้านชั้นบนรอบแท่นพระบรมรูป 34.9 ล้านบาท งานติดตั้งหินอ่อนรอบแท่นพระบรมรูป 11.9 ล้านบาท งานสร้างรั้วบริเวณภายในและภายนอกอุทยานราชภักดิ์ 2 โครงการ 20.2 ล้านบาท งานสร้างป้ายทางเข้าและอาคารรักษาความปลอดภัย 7.2 ล้าบาท (ทั้งหมดข้างต้นใช้งบกลาง) และการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ 7 พระองค์นั้น งานก่อสร้างดังกล่าวมีมูลค่าเกินสองล้านบาทขึ้นไป และเป็นการจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ แต่ไม่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
“การกระทำดังกล่าวของ พล.อ.อุดมเดช และ พล.อ.ศิริชัย จึงเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 และมาตรา 12” นายวีระ กล่าว
นายวีระ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณี พล.อ.อุดมเดช ไม่ดำเนินการตรวจสอบและลงโทษ พล.ต.สุชาติ กับ พ.อ.คชาชาติ ที่มีส่วนพัวพันการทุจริต ซึ่งอาจเกี่ยวกับการเรียกรับเงินของเซียนพระชื่อย่อ อ. จากเจ้าของโรงหล่อ การกระทำดังกล่าวของ พล.อ.อุดมเดช เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. จึงเป็นการกระทำความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ส่วนการจัดตั้งมูลนิธิราชภักดิ์ อาจเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบเงินที่ได้รับบริจาค และเป็นช่องทางเพื่อทุจริตเงินบริจาคสนับสนุนการก่อสร้างอุทยาน จึงขอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบเงินที่ได้รับบริจาคว่ามียอดรวมทั้งหมดจำนวนเท่าใดตรงกับใบเสร็จที่ออกไปหรือไม่
นายสุทธิ บุญมี ผอ.สำนักการข่าว สำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช. ไม่ได้ปฏิเสธที่จะเข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมาต้องดูข้อมูลทั้งหมดในภาพรวม ในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ดีจะนำข้อร้องเรียนพร้อมหลักฐานของนายวีระ เสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาแสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวต่อไปหรือไม่
ภาพจากเฟซบุ๊ก Veera Somkwamkid


