posttoday

"โซตัส = รักน้อง" ห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามสงสัยรุ่นพี่

08 กันยายน 2558

ความรุนเเรงซ่อนรูป ภายใต้สถาบันการศึกษา ยังเป็นปัญหาให้ถกเถียงอย่างต่อเนื่อง

โดย...วรรณโชค ไชยสะอาด

นับเป็นปีสำคัญเเห่งการต่อสู้กับระบบโซตัสอย่างแท้จริง

ไล่ตั้งเเต่การตั้งคำถามต่อรูปแบบการรับน้องของ “ลลิตา หาญวงษ์” อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นำมาสู่การตอบโต้อย่างรุนแรง หรือกรณีรองผู้อำนวยการโรงเรียนตบศีรษะเด็กนักเรียนชั้น ม.5 จนหน้าเสีย จนถึงท่าเต้นกล้วยทับสุดสยิวของนักศึกษา ทั้งหมดนี้เป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ของสังคมในช่วงที่ผ่านมา

ล่าสุด มีการจัดเวทีเสวนา "โซตัส=รักน้อง? ความรุนแรงซ่อนรูปภายใต้สถาบันการศึกษา" เพื่อร่วมถกเถียงและหาเหตุผลว่า ทำไมเราถึงไม่ควรอยู่กับระบบโซตัส?

กล้าหาญที่จะเลือกทางของตัวเอง

เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนจำนวนไม่น้อยที่เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องอาจไม่ได้เต็มใจ เพียงแค่ต้องการการยอมรับในสังคมเท่านั้น

โตโต้ - ปิยรัฐ จงเทพ นักกิจกรรมต่อต้านโซตัส ถอดบทเรียนประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟังว่า เคยสอบถามคนที่เข้าร่วมกิจกรรมลักษณะโซตัสได้ความว่า พวกเขารู้สึกหวาดกลัว เเต่เลือกที่จะยอมเข้าร่วม เพื่อให้สามารถอยู่ได้ในสังคม นี่เป็นธรรมชาติของการปรับตัว ทั้งที่บางครั้งเราอาจจะมีทางเลือกมากกว่าเพื่ออยู่ได้ โดยที่ไม่ต้องยอมรับสังคมนั้น

เมื่อคุณอยู่ในระบบนั้นแล้วปฎิเสธที่จะเข้าระบบของเขา คุณจะกลายเป็นเเกะดำในฝูงแกะขาว และหากถ้าคุณไม่อยู่เฉย ลุกขึ้นมาตั้งคำถามหรือต่อต้านด้วยแล้วล่ะก็ คุณจะกลายเป็นเเกะดำในฝูงหมาป่าทันที ยกตัวอย่างสมัยที่เรียนอยู่ปี 1 ผมเคยล่ารายชื่อเพื่อนๆคนที่ไม่เอาด้วยกับระบบนี้ แล้วไปนั่งคุยกับรุ่นพี่ โดยเปิดห้องชี้เเจงเหตุผลที่เราไม่ยอมรับกิจกรรม เเต่สุดท้ายเขาก็ไม่ฟัง ตอนนั้นรู้เลยว่าคนพวกนี้เขาถนัดใช้กำลังมากกว่าเหตุผล เเละปิดตึกเรียนขังเรา โชคดีที่เราหนีออกมาได้

ปิยรัฐ มองว่า กลุ่มรุ่นพี่มักเข้าใจว่า ผู้ต่อต้านกำลังจะมาทำลายความรักความเชื่อของเขา และมองคนๆนั้นเป็นศัตรูทันที ซึ่งจริงๆ แล้วสิ่งที่ผู้ต่อต้านพูดไปคือความปรารถนาดี เพื่อหวังให้กิจกรรมมันดำรงอยู่ต่อไปได้ ภายใต้ยุคสมัยใหม่ ทว่าสังคมโดยรวม ณ ตอนนี้ไม่สามารถที่จะยอมรับระบบนี้ต่อไปได้แล้ว

ขณะเดียวกันปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการรับน้อง ผู้บริหารต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ ไม่สามารถเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้

“ผมอยากให้ทุกคนกล้าหาญ ในทางเลือกเเละเสรีภาพของตัวเอง”  โตโต้ทิ้งท้าย

"โซตัส = รักน้อง" ห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามสงสัยรุ่นพี่

หลุดออกจากโซตัสได้ อยู่ที่ตัวคุณ

ยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ปฎิเสธการรับน้องมาทั้งชีวิต บอกชัดว่า เขาเกลียดการรับน้องมาก คำถามที่เกิดขึ้นในใจเขาก็คือ เราไม่จำเป็นต้องรังเกียจพิธีกรรม เพราะมนุษย์อยู่กับพิธีกรรมตลอดเวลา แต่พิธีกรรมรับน้องที่เรามีนั้นรองรับระบบคุณค่าเเบบไหน ?

"ระบบสัญลักษณ์ในพิธีกรรมรับน้องของประเทศไทย เป็นระบบสัญลักษณ์ที่ผลิตซ้ำระบบอาวุโสเเละอำนาจนิยม โดยนิยมใช้ความรุนเเรงเป็นเครื่องมือของการให้การศึกษา ตรงกันข้ามกับระบบการศึกษาโดยใช้เหตุผล ตัวอย่างล่าสุดเช่น การกระทำของเด็ก ม.5 ที่ชูป้ายตั้งคำถามถึงนายกรัฐมนตรี ยังไม่ทันมีใครได้อ่านข้อความบนป้ายเลยแต่เด็กก็ถูกจับและหิ้วออกไป คือใช้ความรุนแรงไว้ก่อน เพราะคิดว่าเป็นวิธีการจัดการสั่งสอนกับเด็ก ตลกสิ้นดีที่มีคนบอกว่า การศึกษาบ้านเรา ต้องให้เด็กคิดได้ คิดเป็น เเต่พอเด็กตั้งคำถามกลับโดนอุ้ม

ยุกติ บอกต่อว่า ความรุนแรงที่สำคัญของระบบรับน้องก็คือ  “การทำให้คนไม่เป็นคน” หากไปท้าทายก็จะถูกการโต้กลับด้วยความรุนแรง โดยมีการ "ว้าก" เป็นระบบสัญลักษณ์ประกอบที่จำเป็นของภาษาที่ใช้ความรุนเเรง

“ภาษาไทยเวลาเราพูด พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆจะดูเรียบร้อย แต่ว่าถ้าคุณพูดกับสัตว์ คุณจะเปลี่ยนเสียงทันที เช่น เฮ้ย......นั่นเป็นวิธีเดียวกันกับที่บางสังคมใช้เพื่อสั่งสอนลูกศิษย์ของเขา ซึ่งระบบการรับน้องเป็นอย่างนี้”

นักวิชาการรายนี้ยืนยันว่า ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ได้ตั้งใจตัดสินว่าสังคมไทยต่ำหรือสูง เเต่ประเด็นสำคัญที่อยากสื่อออกไปคือ เราจะอยู่กับมันเเบบนี้ต่อไปไหม ?

พูดในภาพที่ใหญ่กว่านั้นก็คือ ระบบอำนาจนิยมในสถานศึกษา มันไม่ใช่เเค่การสร้างสังคมเล็กๆในมหาวิทยาลัยที่รุ่นพี่ไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองเป็นรุ่นพี่เท่านั้น เเต่รุ่นพี่กำลังผลิตซ้ำระบบที่สังคมทั้งสังคมยอมรับอยู่ เราจึงพบเห็นว่า เรายอมรับได้กับการยึดอำนาจไปเฉยๆ มันเป็นเรื่องเดียวกัน พวกคุณกำลังปลูกฝังให้สังคมยอมรับระบบอำนาจนิยมไปเรื่อยๆ  คุณยอมให้รุ่นพี่กระทืบได้ คุณก็ยอมให้คนมายึดอำนาจคุณได้ คุณจะหลุดออกจากระบบโซตัส ทั้งในคณะและในประเทศได้ ขึ้นอยู่กับคุณถามตัวเองว่า คุณจะอยู่ในสังคมนี้อย่างไร คุณจะอยู่เฉยๆ หรือจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงก็ได้ คุณนั่นแหละที่จะลุกขึ้นมาตอบคำถามนี้ด้วยตัวเอง"

ยุกติ ชี้ว่า ระบบโซตัสไม่สามารถทำให้คุณคิดและตัดสินใจได้เองได้เเต่เป็นระบบชี้นำ ถ้าคุณอยู่กับระบบนี้จนคิดว่า สามารถทนได้ ก็เเสดงว่าคุณอยู่ได้

''ถ้าคิดว่าจะออก ก็ต้องเห็นก่อนว่า อยู่เเล้วมันเป็นอย่างไร เศร้ากับความเดือดร้อนของคนอื่นเเต่มองไม่เห็นปัญหาที่ตัวเองเผชิญหรือเปล่า''

"โซตัส = รักน้อง" ห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามสงสัยรุ่นพี่ ภาพจากเฟซบุ๊ก ANTI SOTUS

ผลักดันจากระดับครอบครัว

ในช่วงเดือนที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวไหนที่ดังเท่ากรณีของ ดร.ลลิตา หาญวงษ์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงประเพณีรับน้องของคณะหนึ่ง จนถูกขู่ฆ่าในโลกโซเชียล

ลลิตาเชื่อว่า สิ่งที่จะทำให้คนแตกต่างกันก็คือความรู้รอบตัวและรู้ในสิ่งที่ควรรู้ เธอมองว่าเด็กในระดับมหาวิทยาลัยทำอย่างนั้นได้ไม่เต็มที่ เพราะถูกวางกรอบไว้แล้วว่าต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับบรรดารุ่นพี่

เห็นแล้วรู้สึกสงสารเด็กและไม่เห็นด้วยกับระบบโซตัส รวมทั้งเราเชื่อในเสรีภาพของตัวเองว่าเราสามารถวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอย่างนี้ จึงโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยไม่ได้คิดว่าการโพสต์ครั้งนั้นจะถูกเเชร์เเละเป็นกระเเสสังคมอย่างกว้างขวางและไพศาลมากมายขนาดนี้ อีกอย่างก็คิดว่า หากสิ่งที่เราวิจารณ์ไม่ใช่เรื่องจริง อีกฝั่งก็ควรชี้แจง อภิปราย หรือมีท่าทีที่ถูกต้อง ไม่ใช่แบบที่เกิดขึ้น”เธอเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง 

ดร.ลลิตา บอกต่อว่า ระบบโซตัสสอดรับกับจริตความเป็นไทย ทำให้คนรู้สึกสมยอมเเละไม่ยี่หระกับการใช้อำนาจ ซึ่งการหลุดออกจากระบบนั้นได้ต้องปลูกฝังตั้งแต่ระดับครอบครัว

พูดภาษาวัยรุ่นก็คือ พวกเขาวางการ์ดประเพณีที่บอกว่ามันดีงาม เป็นของดีที่ต้องทำต่อ ทั้งที่โซตัสเดินสวนทางกับตรรกะ การคิดวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานที่เด็กต้องเลือกชีวิตของตัวเอง ส่วนตัวมองว่าระบบโซตัสมีอยู่ทุกภาคส่วนในสังคมไทย และมองว่าการส่งสริมการคิดวิเคราะห์อย่างจริงจัง ครอบครัวเป็นด่านแรกที่สำคัญที่สุดในการผลักดันให้เราออกมาจากระบบนั้น”

อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.มหาสารคาม ทิ้งท้ายว่า ผู้บริหารในระดับอุดมศึกษาควรเล็งเห็นความสำคัญของจัดการระบบโซตัส เพราะถือเป็นผู้ที่สามารถก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้โดยตรง

ปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ชวนให้สงสัยว่า สถานศึกษาเป็นบ่อเกิดของปัญญาหรือปัญหากันแน่

"โซตัส = รักน้อง" ห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามสงสัยรุ่นพี่

 

ข่าวล่าสุด

ล้ำไปอีกขั้น เสื้อกั๊ก AI ช่วยผู้ป่วยหลอดเลือดสมองขยับแขน