จีนสวนสนาม

เรียบร้อยไปแล้ว สำหรับการเดินสวนสนาม และการโชว์แสนยานุภาพของกองทัพจีน เนื่องในวันครบรอบ 70 ปี ชัยชนะของจีนที่มีเหนือญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในงานนี้ผู้นำประเทศที่เป็นแขกรับเชิญ ก็คือ มหามิตรอย่างประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเท่านั้นครับ ส่วนผู้นำญี่ปุ่น อเมริกา และชาติอื่นๆ ในโลกตะวันตกไม่มีโผล่มาให้เห็นแต่อย่างใด

การสวนสนามของจีนในครั้งนี้ น่าสนใจยิ่ง และเป็นที่จับตาของทั่วโลก เพราะมีขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจจีนกำลังปั่นป่วน และมีขึ้นในขณะที่จีนถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อเพื่อนบ้านจากกรณีข้อพิพาทตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะกับญี่ปุ่น ไต้หวัน และกับหลายประเทศอาเซียน

และสำคัญที่สุด ก็คือ การแสดงแสนยานุภาพในครั้งนี้มีขึ้นในฐานะที่จีนกำลังก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาอำนาจเต็มตัว

น่าสนใจครับ เมื่อประธานาธิบดี สีจิ้นผิง แห่งจีน ได้ประกาศในงานนี้ว่า จีนจะลดกำลังพลราว 3 แสนคน จากกำลังพลทั้งสิ้น 2.3 ล้านคน เป็นการลดกำลังพลครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี พร้อมกับการประกาศว่า จีนเป็นมิตรต่อทุกประเทศ ไม่มีคิดจะก้าวร้าวใส่ใคร

แต่ในขณะเดียวกันนั้น จีนก็ได้อวดระบบขีปนาวุธตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งมีศักยภาพในการต่อต้านเรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งเป็นเขี้ยวเล็บตัวใหม่ของจีน

จะเห็นได้ว่า จีนได้ส่งสัญญาณออกมาในหลายทางกับการเดินสวนสนามครั้งนี้ครับ ในขณะที่จีนออกตัวว่า ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อใครดังที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐวิตกกังวล พร้อมกับการประกาศลดกำลังพลนั้น จีนก็แสดงให้เห็นว่า จีนก็มีดีที่จะสู้กับศัตรูได้เช่นกัน

ที่ผ่านมานั้น กรณีข้อพิพาททางทะเลในทะเลจีนใต้กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดของภูมิภาคเอเชียนี้ก็ว่าได้ ซึ่งจีนมีท่าทีแข็งกร้าวต่อคู่กรณีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์ หรือประเทศอื่นๆ จนถึงกับมีการสร้างเกาะเทียมขึ้นในพื้นที่ข้อพิพาท

และดูเหมือนว่าสหรัฐจะพยายามเข้ามา “เกี่ยว” กับปัญหานี้ ผ่านการผูกสัมพันธ์กับบรรดาคู่กรณีทั้งหลายของจีน ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม หรือฟิลิปปินส์

ส่วนญี่ปุ่นนั้นก็ถือว่าเป็นมหามิตรของสหรัฐอยู่แล้ว ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ มีนโยบายที่ค่อนข้างแข็งกร้าวไปในทางชาตินิยม ดังนั้นจึงไม่แปลกนักที่ในครั้งนี้จีนจะบอกว่าเป็นการฉลองชัยชนะที่มีเหนือญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2

และท้ายที่สุด พิธีรำลึกและการสวนสนามในครั้งนี้ ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซียที่มากขึ้น และเป็นการตอกย้ำถึงการแบ่งฝ่ายของขั้วมหาอำนาจโลกที่ชัดเจนมากขึ้นทุกทีๆ ครับ