posttoday

ร้องสำนักพุทธฯอยุธยา กลั่นแกล้งผู้เช่าที่วัดร้าง

12 กรกฎาคม 2553

ชาวบ้านบางบาลร้องสำนักพุทธศาสนาพระนครศรีอยุธยากลั่นแกล้งผู้ที่วัดร้าง

ชาวบ้านบางบาลร้องสำนักพุทธศาสนาพระนครศรีอยุธยากลั่นแกล้งผู้ที่วัดร้าง

 

ร้องสำนักพุทธฯอยุธยา กลั่นแกล้งผู้เช่าที่วัดร้าง

นายสะเบียง สุขทรัพย์ศรี อายุ 84 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167/1 ม.1 ต.สะพานไทย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายมานะ นิลพันธ์ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นหลาน ได้ร้องเรียนว่าสำนักพุทธศาสนา จ.พระนครศรีอยุธยา กลั่นแกล้งโดยห้ามชาวบ้านที่เช่าที่ดินวัดร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายปลูกบ้านอาศัยหรือเพาะปลูก แต่ในขณะเดียวกันที่วัดร้างอีกหลายแห่งที่นายทุนเข้ามาครอบครองกลับปลูกสิ่งก่อสร้างได้อย่างสะดวกซึ่งบางแห่งหลังคาอาคารโกดังเกือบไปคลุมพระพุทธรูปโบราณทำให้ชาวบ้านทั่วไปคิดว่า หากเป็นคนจนทั่วไปเช่าที่วัดร้างปลูกบ้านไม่ได้ แต่หากเป็นนายทุนทั่วไปสามารถทำได้ เพราะมีผลประโยชน์แฝง

นายสะเบียง  กล่าวอีกว่า ที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ 699 ตารางวาเป็นที่วัดร้าง ชื่อวัดม่วง อยู่ ม.2 ต.สะพานไทย อ.บางบาล ปัจจุบันเป็นพงหญ้าพุ่มเตี้ย ซึ่งตนเองเช่าครอบครองสิทธ์มานานแล้ว โดยครั้งแรกใช้ทำสวนเกษตรเล็กน้อย ต่อมาแก่ชราจึงปล่อยที่รกร้างไม่ทำอะไรล่าสุดหลานชายมาขอที่ดินผืนดังกล่าวเพื่อจะปลูกบ้านจึงไปติดต่อสำนักงานพุทธศาสนา จ.พระนครศรีอยุธยา  เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา  ได้รับแจ้งว่าตนเองไม่ได้จ่ายค่าเช่าตั้งแต่ปี 2536 ตนเองจึงขอจ่ายเงินค่าเช่าค้างชำระ ค่าต่อสัญญาค้างชำระ รวมถึงค่าปรับจากปี 2536-ปัจจุบัน รวมเป็นเงิน 24,412 บาท
 
ทั้งนี้มีใบเสร็จจากสำนักพุทธศาสนาจังหวัดถูกต้องอย่างไรก็ตามพอตนเองแสดงความประสงต่อโอนสิทธิ์ให้หลานชายและจะให้หลานชายปลูกบ้านในที่ดินดังกล่าว ทางสำนักพุทธฯกลับไม่ยอมให้ดำเนินการ โดยไม่แจ้งสาเหตุที่แน่ชัด   โดยพื้นที่ในเขตต.สะพานไทย มีที่วัดร้างจำนวนมากและมีการปลูกบ้านทั้งเก่าและใหม่จำนวนมากแต่ก็ยังทำกันได้ ซึ่งพอหลานของตนเองจะปลูกบ้าน กลับทำไม่ได้และมีการพูดจาโยกโย้ไปมา
 
ล่าสุด นายวรเดช ช่างบุ ผอ.สำนักพุทธศาสนา จ.พระนครีอยุธยา มีหนังสือเลขที่  อย 0030/438 ลงวันที่ 9 ก.ค. 53 ให้ตนเองไปพบที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดในวันที่ 13 ก.ค.53 อีกครั้งซึ่งตนเองก็พร้อมจะเดินทางไปพบ และจะสอบถามให้แน่ชัดว่าจุดประสงค์ทางสำนักพุทธ ฯ ต้องการอะไรกันแน่
 
นายมานะ นิลพันธ์ กล่าวว่า ตนเองเคยไปพบนอกรอบกับสำนักพุทธฯมาแล้วหลังจากที่พาตาไปจ่ายเงินค่าเช่าค้างจ่าย โดยได้รับการข่มขู่จากเจ้าหน้าที่ว่าหากจะปลูกบ้านก็ต้องพูดคุยกันเสียก่อน ตนเองก็ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไรเพราะก็ทำตามระเบียบทุกอย่างแล้ว  โดยเพื่อนบ้านในเขต ต.สะพานไทยที่เช่าที่วัดร้าง ก็เคยไปพบและหน้าเหี่ยวตัวซีดเซียวกันมาแล้วหลายรายจึงสามารถปลูกบ้านได้
 
นอกจากนี้ช่วงนี้นายทุนค้าไม้เก่าเข้ามาปลูกสร้างบ้านเรือนและอาคารโกดังค้าไม่เก่าจำนวนมากในเขตต.สะพานไทย และ ต.มหาพราหมณ์ อ.บางบาล ซึ่งเป็นที่วัดร้างจำนวนมากำปรากฏว่านายทุนกลุ่มนี้สามารถปลูกบ้านและอาคารโกดังในที่วัดร้างได้อย่างสะดวกบางแห่งบุกรุกเข้าไปยังที่ตั้งแนวศาลาหรือฐานองค์พระประจำชุมชนที่เป็นวัดเก่าแก่ปัจจุบันเหลือแต่ฐานชุกซีและองค์พระโบราณ เช่นที่วัดร้างสามเณรสาไร ต.มหาพราหมณ์ซึ่งก็ไม่เห็นสำนักพุทธศาสนาจังหวัดไปไล่บี้ เหมือนที่มาไล่บี้กับชาวบ้าน
 
แต่วงในก็ลือกันว่ามีการเข้าพบและอำนวยความสะดวกกันไปแล้ว  จึงอยากให้ นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา ลงมาตรวจสอบการทำงานของสำนักพุทธศาสนาจังหวัดด้วยเพราะปัจจุบันที่วัดร้างในเขต จ.พระนครศรีอยุธยา มีเกือบ 400 วัดหากบริหารกันแบบไม่โปร่งใส่จะเป็นขุมทรัพย์ของการแสวงหาผลประโยชน์จากการเช่าที่วัดร้าง

 

ข่าวล่าสุด

ล้ำไปอีกขั้น เสื้อกั๊ก AI ช่วยผู้ป่วยหลอดเลือดสมองขยับแขน