ตร.เผยบึ้มราชประสงค์เป็นระเบิดทีเอ็นทีวางใกล้ศาลพระพรหม
ตำรวจเหตุบึ้มราชประสงค์เป็นระเบิดทีเอ็นทีวางใกล้ศาลพระพรหม ผบ.ตร.สั่งตั้งด่านความมั่นคงทั่วกทม.
ตำรวจเหตุบึ้มราชประสงค์เป็นระเบิดทีเอ็นทีวางใกล้ศาลพระพรหม ผบ.ตร.สั่งตั้งด่านความมั่นคงทั่วกทม.
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวภายหลังตรวจจุดเกิดเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณว่า จากการตรวจสอบพบว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นระเบิดทีเอ็นที ไม่ทราบน้ำหนัก โดยแรงระเบิดได้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน แบ่งเป็น ชาวไทย10 คน ชาวจีน 1 คน และ ชาวฟิลิปปินส์ 1 คน รวมทั้งแรงระเบิดยังทำให้ยานพาหนะที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งพบว่าชิ้นส่วนของรถยนต์ที่ถูกแรงระเบิดได้กระเด็นไปไกล 40 เมตร
นอกจากนี้ยังพบวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่จึงจำเป็นต้องกันประชาชนออกนอกบริเวณ และปิดการจราจรโดยรอบทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบ
พล.ต.อ.สมยศกล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้มีการตั้งด่านความมั่นคงทั่วกรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบผู้ต้องสงสัยแล้ว
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นไม่ใช่คาร์บอมบ์ แต่มีคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางไว้ภายในศาลพระพรหม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่พบวัตถุต้องสงสัยว่าเป็นระเบิดในพื้นที่ 2 จุด บริเวณใต้ตอม่อรถไฟฟ้าบีทีเอส และที่หน้าห้างสรรพสินค้าเกษรพลาซ่า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บกู้
ผบ.ทบ.สั่งทหารประสานตำรวจดูแลความปลอดภัย-ติดตามตัวผู้ก่อเหตุ
ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลพื้นที่และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลผู้บาดเจ็บรวมทั้งให้เข้าดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้ารวบรวม พิสูจน์และเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุและรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อใช้ในการตรวจสอบหาสาเหตุและผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายโดยด่วน พร้อมทั้งให้ชุดประสานงานในพื้นที่จัดตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด เพิ่มเติม ในบริเวณที่คาดว่าจะเป็นพื้นที่เสี่ยง เพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องปรามการเกิดเหตุซ้ำ
ขณะเดียวกัน ให้ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ให้มีความปลอดภัย และกำชับให้ดูแลผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตให้ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างดี
สำหรับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ใกล้เคียงอื่นๆได้กำชับให้มีการเฝ้าระวัง และดูแลความปลอดภัยโดยรวมมิให้เกิดเหตุร้ายใดใดขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในทุกพื้นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องข้อมูลทางการข่าวว่าจะเชื่อมโยงการกระทำจากในส่วนไหนนั้นขณะนี้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้ จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้ก่อน แล้วจึงจะสามารถนำมาประมวลกับการข่าวได้


