posttoday

แก้น้ำดื่มแพงให้ตรงจุด

16 กรกฎาคม 2558

การออกมาขู่ของกระทรวงพาณิชย์ ว่าหากน้ำดื่มบรรจุขวด ฉวยโอกาสขายเกินราคา ทางกระทรวงก็จะประกาศให้น้ำดื่มเป็นสินค้าควบคุม สามารถนำกฎหมายมาบังคับใช้กับผู้ทำความผิด โดยมีโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การออกมาขู่ของกระทรวงพาณิชย์ ว่าหากน้ำดื่มบรรจุขวด ฉวยโอกาสขายเกินราคา ทางกระทรวงก็จะประกาศให้น้ำดื่มเป็นสินค้าควบคุม สามารถนำกฎหมายมาบังคับใช้กับผู้ทำความผิด โดยมีโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลราคาสินค้าออกตรวจสอบเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ปริมาณการผลิต การจำหน่าย และการกระจายสินค้า เพียงพอต่อความต้องการในทุกพื้นที่ รวมทั้งมิให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น และป้องกันมิให้มีการกักตุนสินค้า หรือสร้างความปั่นป่วนด้านปริมาณและราคาขาย

ภาพความเอาจริงเอาจังของรัฐบาล มีทั้งขู่ ทั้งออกสุ่มตรวจสอบน้ำดื่มไม่ให้ขายเกินราคา เมื่อฟังแล้วก็น่าจะป้องปรามให้น้ำดื่มไม่น่าจะขายเกินราคาได้ แต่ในความเป็นจริง ชาวบ้านที่ตื่นตระหนกเมื่อไปซื้อน้ำดื่ม หรือสินค้าที่เกี่ยวกับการรับมือภัยแล้ง เช่น ถังเก็บน้ำ หลายรายต้องซื้อน้ำดื่ม หรือถังใส่น้ำในราคาที่สูงกว่าปกติ

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเกิดการร้องเรียนไปที่กระทรวงพาณิชย์ ว่าน้ำดื่มลักไก่ขึ้นราคา โดยราคาน้ำดื่มที่ปรับขึ้น ทางร้านค้าโดยเฉพาะร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ที่คนเมืองส่วนใหญ่เข้าไปซื้อสินค้า จะชี้แจงว่า ไม่ได้ปรับขึ้นราคาน้ำดื่ม เพียงแต่ไม่ได้จัดโปรโมชั่นหรือจัดลดราคา จึงทำให้ราคาน้ำดื่มกลับขึ้นไปขายที่ราคาเต็ม ในขณะที่ผู้ผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด เมื่อสินค้าขายได้ จึงไม่ต้องให้ส่วนลดกับร้านค้า เพื่อไปลดราคาขายแข่งกับน้ำดื่มยี่ห้ออื่น เพราะขายน้ำดื่มราคาเต็มก็ขายได้ ในวิกฤตเช่นนี้แค่ผลิตสินค้าและส่งให้ทัน เท่านี้ก็โกยรายได้เป็นกอบเป็นกำแล้ว

ดังนั้น หากกระทรวงพาณิชย์เข้าใจกลไกตลาดจริง ก็ย่อมรู้ว่าเมื่อความต้องการหรือดีมานด์ของน้ำดื่มมากขนาดนี้ สินค้าก็เพียงแต่กลับไปขายราคาเต็ม เท่านี้ก็กลายเป็นการขึ้นราคาทางอ้อมแล้ว ไม่นับร้านค้าบางแห่งที่ลักลอบขึ้นราคาเกินกว่าราคาฉลาก กรณีนี้คงใช้กฎหมายจัดการได้ทันที

หากกระทรวงพาณิชย์พยายามทำความเข้าใจปัญหาที่แท้จริง ว่ากลไกตลาดช่วงนี้ไม่ปกติ น้ำดื่มไม่ต้องแข่งตัดราคาเพื่อขายสินค้า สามารถกลับไปขายน้ำดื่มที่ราคาเต็ม สิ่งนี้เรียกว่าเป็นการขึ้นราคาทางอ้อม

ถ้ากระทรวงพาณิชย์เข้าใจแบบนี้ ก็จะแก้ได้ถูกต้อง ไม่ใช่ทำเหมือนหลับตาข้างเดียว แล้วก็แอ็กชั่นตามสูตรขู่จะนำน้ำดื่มมาเป็นสินค้าควบคุม เมื่อกระทรวงพาณิชย์รู้ว่ากลไกไม่ทำงาน ก็ควรลงไปทำให้กลไกทำงาน เช่น หากน้ำดื่มไหนโดนร้องเรียน ก็ให้นำราคาน้ำดื่มที่ขายในร้านนั้นเฉลี่ยย้อนหลังไป 3 เดือน หรือยาว 6 เดือนที่ผ่านมา ว่าราคาเคยขายเฉลี่ยที่เท่าไร ก็ให้ขายในราคานั้น เท่านี้ก็พยุงให้กลไกพอทำงานได้ ไม่โดนหลอกขึ้นราคาทางอ้อม

ท่ามกลางวิกฤตเช่นนี้ รัฐบาลทำอะไรให้มากกว่าวิธีการเดิมๆ หน่อย อย่าให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนเพิ่มขึ้นไปจากการบริหารภัยแล้งแบบโทษฟ้าโทษฝนเลย

ข่าวล่าสุด

ดีเดย์ 25 ธ.ค. เปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ