จับแม่เล้าลวงสาวใหญ่ค้ากามคาราโอเกะ

สาวใหญ่ถูกเพื่อนหลอกไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย

ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 5 กรกฎาคม นายอิสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สุวิชญ์พล อิ่มใจรัชต์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.2 บก.ปคม.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.ศรีวรรณ์ ชัยศรี อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 ถนนเทียนจ่ออุทิศ 3 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และนายสมคิด ทองชูช่วย อายุ 47 ปี อยู่เลขที่ 55 หมู่ 1 ซอยหมู่บ้านวรรณทวีเพลส 2 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมของกลางเงินสด 45,000 บาท บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 2 เล่ม จับกุมได้ที่หน้าบ้านพักของ น.ส.ศรีวรรณ์

นายอิสระ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา น.ส.วนันยา (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี ได้ร้องเรียนมายังศูนย์ประชาบดี กระทรวงพัฒนาสังคมฯ ว่า มารดาคือ นางส้ม (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ถูกเพื่อนของมารดาเอง คือ นางวรียา เฉลียวเกรียงไกร ชักชวนให้ไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านคาราโอเกะของสามี น.ส.ศรีวรรณ์ ในประเทศมาเลเซีย โดยอ้างว่ามีรายได้สูงถึงเดือนละ 15,000 บาท แต่ภายหลังตกลงเดินทางไปทำงานแล้ว มารดากลับโทรศัพท์มาบอกว่าถูกบังคับให้ค้าประเวณีจึงไม่ยินยอมและหากต้องการเดินทางกลับประเทศไทยต้องจ่ายเงินจำนวน 95,000 บาท เป็นค่าไถ่ตัว

นายอิสระ กล่าวอีกว่า ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี ได้ประสานมายัง บก.ปคม.เพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือโดยทำทีตกลงยินยอมจ่ายเงินค่าไถ่ตัวนางส้ม แต่จะให้ก้อนแรกเป็นจำนวน 50,000 บาท หากได้พบนางส้ม ถึงจะจ่ายเงินส่วนที่เหลืออีก 45,000 บาท โดยนัดหมายจ่ายเงินกันที่บ้านของ น.ส.ศรีวรรณ์ เมื่อถึงกำหนด น.ส.ศรีวรรณ์ ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายสมคิด เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมทั้งสองเอาไว้ โดยเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ และเรียกค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยว กักขัง กระทำการด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย

สอบสวนทั้งสองให้การปฏิเสธ โดย น.ส.ศรีวรรณ์ อ้างว่ารู้จักกับนางส้ม ผ่านจากนางวรียา ที่เคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านคาราโอเกะ ของสามีตนที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยหลอกลวงผู้เสียหายให้มาทำงานหรือบังคับให้ค้าประเวณีแต่อย่างใด ส่วนผู้เสียหายจะพูดคุยตกลงเรื่องการทำงานกับสามีอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องเงินที่ได้รับครั้งแรกตนทราบเพียงว่าเป็นค่าดำเนินการในการส่งผู้เสียหายไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย ไม่ทราบว่าเป็นค่าไถ่ตัวก็ไม่รู้ว่าเหตุใดผู้เสียหายจึงมาแจ้งความดำเนินคดีตน

ขณะที่ นายสมคิด ปฏิเสธว่า ตนไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเลยเพราะเป็นเพียงคนขับรถให้ น.ส.ศรีวรรณ์ เพราะมีอาชีพรับจ้าง เมื่อเขาว่าจ้างให้ขับรถมาส่งก็ทำตามหน้าที่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ไปด้วย ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดี และเร่งขยายผลติดตามตัว นางวรียา และผู้ร่วมกระทำความผิดที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป