กริ่ง ภปร.ธรรมศาสตร์ 60 ปี

โดย...ภัทระ คำพิทักษ์

ปี พ.ศ. 2537 เป็นปีก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบรอบ 60 ปี ครั้งนั้นมหาวิทยาลัยได้จัดสร้างพระเครื่องขึ้นชุดหนึ่งเพื่อเป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันพระเครื่องชุดนั้นกลายเป็นของทรงคุณค่าเป็นที่ต้องการของผู้มีศรัทธาและนักสะสมไปแล้ว

ตามบันทึกของคณะกรรมการดำเนินการจัดสร้าง ซึ่งมีอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี และประธานสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในขณะนั้นเป็นประธาน ระบุไว้ว่า ในสมัยธรรมศาสตร์ครบรอบ 50 ปี มีการสร้างพระพุทธธรรมทิฐิศาสดา เป็นพระประธานประจำหอพระมหาวิทยาลัย ในคราวเดียวกันนั้นมีการสร้างขนาดจำลองเป็นพระบูชา 9 นิ้ว, 5 นิ้ว พระกริ่งและพระขนาดเล็กที่เรียกว่า ใบมะขาม อีกจำนวนหนึ่ง

พระกริ่งนั้น เรียกกันว่า “กริ่งธรรมศาสตร์ 50 ปี”

พอครบ 5 รอบ คณะกรรมการจึงดำริที่จะสร้างพระกริ่งขึ้นอีกชุด เพราะที่สร้างไปนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของบรรดาศิษย์เก่า ปัญหาเกิดขึ้นว่า พอจะสร้างขึ้นอีกรอบ แล้วควรสร้างเท่าไหร่ถึงเหมาะสม

ปรึกษาหารือกันแล้วได้ความว่า ของดีต้องมีน้อยแต่ก็ต้องเพียงพอต่อผู้ที่ต้องการ ดังนั้น เหรียญทองคำจึงจะสร้างขึ้นตามแต่ที่มีผู้สั่งจอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง และพระกริ่ง ก็ให้สร้างจำนวนที่ไม่มากเกินไป

คณะกรรมการได้จัดสร้างเหรียญขึ้นมาก่อน พอสร้างเสร็จแล้วได้นิมนต์พระสายปฏิบัติ หรือที่เรียกกันว่า “พระป่า” จำนวน 70 รูป มารับบาตร โดยถือว่าเป็นการจัดทำบุญและอาราธนาให้ท่านได้แผ่เมตตาเหรียญชุดนี้ ซึ่งทำเป็นรูปพระพุทธสิหิงค์ เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2537

การนิมนต์พระป่ามาได้ถึง 70 รูป และส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่เกือบทั้งสิ้นนั้น นับว่ามิใช่เรื่องธรรมดา แต่เพราะผู้ดำเนินการจัดสร้าง สถาบัน ตลอดจนผู้บริหารของมหาวิทยาลัย รวมทั้งนักศึกษาชมรมพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในขณะนั้น ใกล้ชิดเป็นที่ไว้ใจและเป็นผู้ที่ครูบาอาจารย์เมตตา งานนี้จึงสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

หลังจากนั้นมหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขอพระราชทานเสด็จฯ ไปเททองหล่อพระกริ่ง ภปร.ธรรมศาสตร์ 60 ปี ณ อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์ในงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2537

น่าสนใจว่า ในบรรดามวลสารต่างๆ ที่นำมาหลอมเนื้อเพื่อสร้างพระกริ่งคราวนั้น นอกจากจะได้วัตถุมงคลต่างๆ ตามสูตร เช่น เจ้าน้ำเงิน ฯลฯ แล้ว ยังมีแผ่นทองที่หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน เมตตาให้ คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกด้วย

ณ พ.ศ.นั้น ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยว่า หลวงตามหาบัว ทำอะไรแบบนั้นให้ใครมาก่อน พอมีข่าวออกไปเช่นว่าจึงมีผู้ไปจองพระกริ่ง และเหรียญธรรมศาสตร์ 60 ปีกันพรึ่บ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปเป็นประธานในพิธีเททองหล่อพระกริ่งธรรมศาสตร์ 60 ปี โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2537

เททองและตกแต่งแล้ว มีพระกริ่งที่มีความสมบูรณ์ทั้งสิ้น 3,120 องค์ กรรมการได้ทำเครื่องหมายหรือที่เรียกว่า ตอกโค้ดที่องค์พระเป็นอักษรพระปรมาภิไธย “ภปร.” ไว้เป็นสัญลักษณ์

ก้านชนวนทั้งหมดนำไปหลอมและรีดเป็นแผ่น ปั๊มเป็นเหรียญพระพุทธสิหิงค์ แบบไม่มีห่วงอีก 1,000 เหรียญ เพื่อมอบให้ผู้ช่วยดำเนินการเป็นการสมนาคุณ

29 มิ.ย. 2537 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกพระกริ่งทั้งหมดนั้น รวมทั้งเหรียญที่สร้างขึ้นทั้งสองชุดที่ว่า ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และเป็นผู้จุดเทียนชัย พระราชอุดมมงคลญาณ หรือหลวงพ่ออุตตมะ เป็นผู้ดับเทียนชัย

มีพระสงฆ์มาร่วมเจริญพุทธมนต์หลายรูป หนึ่งในนั้นคือ หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน มีคณาจารย์นั่งปรกหลายชุด ส่วนใหญ่เป็นพระกรรมฐานทั้งสิ้น

ด้วยขั้นตอนทั้งหมดนี้ รวมทั้งก่อนหน้าจะดำเนินการจัดสร้างนั้น มหาวิทยาลัยได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญอักษรพระปรมาภิไธย ภปร. มาประดิษฐานที่ผ้าทิพย์พระกริ่งและด้านหลังเหรียญพระ จึงทำให้การสร้างเหรียญพระพุทธสิหิงค์และพระกริ่ง ภปร.ธรรมศาสตร์ 60 ปี ครั้งกระนั้นจึงเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ไม่มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำสองได้อีก

“กริ่ง ภปร.ธรรมศาสตร์ 60 ปี”  จึงเป็นของหายากและยิ่งจะหายากกว่านี้ในกาลข้างหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย