posttoday

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

07 มีนาคม 2558

เปิดใจ "ทาคาโอะ โตโยโอกะ" เจ้าของฉายาลุงราเม็งสู้ชีวิต ขวัญใจชาวโซเชียล

เรื่องและภาพ : นรินทร์ ใจหวัง

ภาพชายสูงวัยท่าทางใจดีกำลังชูป้ายรูปบะหมี่ชามโต พร้อมตะโกนเสียงดังโหวกเหวกเป็นภาษาญี่ปุ่นปนไทย จับใจความได้ว่า “ราเม็ง อร่อยมาก!” บริเวณหน้าร้านชื่อ "ฮากาตะ โชกุน ราเม็ง" ชั้นใต้ดิน ห้างเอสพลานาด รัชดาภิเษก เป็นภาพคุ้นตาของใครหลายคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น

ใช่แล้วเขานี่ล่ะ "คุณลุงราเม็งสู้ชีวิต" คนดังแห่งโลกโซเชียลคนนั้นนั่นเอง !

กลางปีที่ผ่านมา ชื่อของชายชาวญี่ปุ่นคนนี้โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ หลังจากมีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตรันทดสุดๆของคุณลุง เป็นต้นว่าแกใช้เงินเก็บก้อนสุดท้ายมาเปิดร้านอาหารในเมืองไทย เพื่อนำเงินไปรักษาภรรยาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่บ้านเกิด สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้ทราบข่าวยิ่ง กลายเป็นกระแสปากต่อปากให้คนจำนวนมากแห่กันเข้ามาอุดหนุนกันอย่างถล่มทลาย แม้ท้ายที่สุดเจ้าตัวจะออกมาเปิดเผยว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม

วันนี้ ผ่านไปเกือบปี แม้ลูกค้าจะไม่เนืองแน่นเหมือนช่วงดราม่า ทว่าสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยก็คือ ความกระตือรือล้นของเจ้าของร้านคนนี้ที่ยังออกมาตะโกนเรียกลูกค้า ชูป้ายเชิญชวนให้มาชิมราเม็งแสนอร่อยของเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

กว่าจะมาเป็น "ลุงราเม็งสู้ชีวิต"

ทาคาโอะ โตโยโอกะ ชายวัย 64 จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น คือชื่อของเขา

ไม่ว่าจะข่าวลือเรื่องรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายมาเปิดร้านอาหารในเมืองไทย ภรรยาป่วยเป็นโรคมะเร็งและลูกๆที่น่าสงสาร ลุงทาคาโอะยืนยันว่าทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

“ผมมาอยู่ที่นี่เพราะผมรักเมืองไทย ที่นี่อากาศดีและผมเป็นภูมิแพ้ แต่พอมาอยู่เมืองไทยผมไม่เกิดอาการแบบนั้นเลย ก่อนหน้านี้ผมก็เคยทำธุรกิจโรงงานกระดาษอยู่ที่นี่มาแล้วระยะหนึ่ง แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็เกษียณตัวเองกลับไปอยู่ญี่ปุ่นพักใหญ่ แต่ไม่อยากอยู่เฉยๆ จึงกลับมาหาอะไรทำที่นี่” ชายชราวัย 64 เล่าด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา

ลุงทาคาโอะ บอกต่อว่า ทั้งลูกและภรรยาของเขามีสุขภาพแข็งแรงดี ภรรยาไม่ได้เป็นมะเร็งอย่างที่ตกเป็นข่าวลือ ยังมีการมีงานทำมั่นคง ลูกๆก็โตๆ กันหมด ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเจ้าตัวยอมรับว่าได้นำเงินเก็บมาเปิดร้านจริงๆ แต่สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เป็นข่าว

“ผมเป็นคนไม่คิดมาก ส่วนหนึ่งของข่าวลือทำให้คนอื่นๆรู้จักผมมากขึ้น ผมเข้าใจว่าทุกคนนั้นคิดไม่เหมือนกัน ที่ญี่ปุ่นก็เช่นกัน มีทั้งคนที่พูดดี คิดดี เขียนดี และตรงกันข้าม ดังนั้นผมจึงไม่เอามาใส่ใจ ผมไม่ชอบทะเลาะกับใคร ผมสนใจแค่อาหารในร้านของผมต้องอร่อย คุณภาพดี ร้านแบบนี้ในไทยมีที่เดียว และผมชอบคนไทย คนใจดีมากครับ”

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

ตะโกนเรียกลูกค้า วัฒนธรรมของพ่อค้าญี่ปุ่น

เอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้านฮากาตะ โชกุน ราเม็ง อาจอยู่ตรงเสียงตะโกนเรียกลูกค้าอันทรงพลังของทาคาโอะ หลายคนอาจรู้สึกเห็นใจว่าทำไมชายชราถึงต้องลงทุนมาออกแรงเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ แต่สำหรับวัฒนธรรมญี่ปุ่น นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไป

ภาวิณี บัวแดง ที่ปรึกษาร้านและเพื่อนสนิทของทาคาโอะ อธิบายว่า การตะโกนเรียกลูกค้าสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในย่านการค้าของญี่ปุ่น

“ซาโจ้ (คำเรียกทาคาโอะ แปลว่าเจ้าของกิจการ) เขาไม่ได้คิดว่าจะทำให้คนมาสงสาร แต่เขาต้องการดึงดูดลูกค้าให้ลองมาทานอาหารที่ร้านของเขา ถือเป็นเรื่องปกติมากที่ญี่ปุ่น ใครเคยมีโอกาสไปเที่ยวตามย่าน ชินจุกุ อิเคโบคุโร หรือเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียวหรือโอซาก้า จะเห็นได้เลยว่าพ่อค้าแม่ค้าตะโกนเรียกลูกค้ากันตั้งแต่ต้นต้นซอยยันท้ายซอย บางคนถือสินค้าตัวเอง เดินไปให้ลูกค้าชิมไกลเป็นกิโล แล้วก็แนะนำมาทานที่ร้าน แต่ก็เข้าใจว่าสำหรับเมืองไทยมันอาจยังแปลกใหม่อยู่มาก”

เช่นเดียวกับทาคาโอะ ที่บอกอย่างภาคภูมิว่า การตะโกนแบบนี้แหละเป็นสไตล์ของคนญี่ปุ่น

“พ่อค้าที่โน่นจะตะโกนเรียกเสียงดังๆ  เชิญลูกค้ามาทานอาหาร เพื่อนำเสนอว่าอาหารร้านนี้อร่อยจริงๆ นะ ผมเองก็ทำบ้าง ผมเป็นคนเสียงดังมาก แบบไม่ต้องใช้ไมค์เลย เพราะปอดใหญ่มาก คนทั่วไปปอด 3,000 ซีซี แต่ผมปอด 6,000 ซีซี เพราะชอบออกกำลังกาย ทุกวันนี้ยังสนุกกับการทำแบบนี้อยู่ ซึ่งได้พูดคุยทางห้างแล้ว ไม่มีปัญหา ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่มาทานอาหาร และขอถ่ายรูปกับผมด้วย”แกโค้งศีรษะอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

แค่อยากให้อร่อย และมีความสุขกลับไป

แม้เศรษฐกิจของร้านจะแค่พออยู่ได้ ไม่หวือหวา แต่คุณลุงเจ้าของฉายาราเม็งสู้ชีวิตก็อยากให้ลูกค้าได้มาลองชิมราเม็งแบบต้นตำรับแท้ๆมากกว่าจะสงสารเห็นใจตัวเขา

“ผมไม่อยากให้สงสาร อยากให้ลูกค้าเข้ามากินแล้วพบว่าอาหารอร่อยจริงๆ และมีความสุขกลับไป เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ลูกค้าจะกลับมาทานร้านเราอีกครั้ง ถึงใครจะว่าผมบ้าๆ บอๆ ก็ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ แต่ช่วยจำชื่อร้านผมไว้ในใจแค่นี้ก็พอใจแล้ว”

เมนูแนะนำของร้านนี้ ลุงทาคาโอะภูมิใจเสนอราเม็งทงคัตสึต้นตำหรับจากหมู่บ้านฮากาตะ ซึ่งเป็นหมู่บ้านราเม็งเล็กๆในเมืองโกเบที่ซื้อเฟรนด์ไชน์จากเพื่อนมาทำให้คนไทยได้ลิ้มรส  จุดเด่นอยู่ตรงน้ำซุปกระดูกหมูสีขาวนวล รสกลมกล่อมที่ใช้เวลาเคี่ยวนานถึง 18 ชั่วโมง บวกกับวัตถุดิบคุณภาพ จึงออกมาเป็นราเม็งชามใหญ่  นี่คือจานเด็ดที่อยากให้ลูกค้าลิ้มลอง นอกจากนี้ยังมีสารพัดเมนูข้าวพร้อมเสิร์ฟอีกหลายเมนูที่คิดค้นให้ถูกปากคนไทย

“ทงคัตสึราเม็ง เป็นอาหารแนะนำ ราเม็งต้มยำก็อร่อยมาก เผ็ดถูกปากคนไทย ผมก็คิดเมนูใหม่ๆเพิ่มด้วยเช่นซูชิราเม็ง  ที่ใช้เส้นราเม็งแทนข้าว  ไก่ทอดคาราเกะแบบเผ็ดที่อร่อยมาก” เจ้าของร้านพูดพลางชี้เมนูที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความตั้งอกตั้งใจ

ภาวิณี ที่ปรึกษาร้าน กล่าวเสริมว่า ก่อนหน้านี้ที่ลุงทาคาโอะมาปรึกษาว่าจะเปิดร้านที่นี่ เคยคุยและตกลงกันแล้วว่าถ้าธุรกิจไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ก็ต้องไม่คิดมาก ดังนั้นในตอนนี้ ลุงทาคาโอะ ซึ่งพื้นเป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้ว จึงยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นนิจ

“เราตกลงกันแล้วว่า จะขายกันแบบชิลๆนะ ไม่ทำแบบนักธุรกิจที่ต้องกู้เงินมาลงทุนมากๆ ทุกวันนี้ซาโจ้แกก็เลยมีความสุข อาจครียดบ้างเวลาไม่มีลูกค้าตามประสาคนเปิดร้านอาหาร แต่ก็เข้าใจได้ เพราะเหมือนๆ กันทุกร้าน”

ขณะที่ลุงทาคาโอะ บอกว่าหากเผชิญกับปัญหาชีวิต เขาจะยังยิ้ม อดทน และสู้ ต่อไป พร้อมยังพูดเสียงดังฟังชัดว่าจะขออยู่เมืองไทยไปจนร่างกายไม่ไหว แล้วค่อยกลับไปตายที่ญี่ปุ่น

"เวลาที่เจอปัญหามากๆ ผมจะสวดมนต์ หรือไม่ก็เปิดน้ำเย็นๆผ่านฝักบัวแล้วราดหัว ทำให้สบาย"

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

คำบอกเล่าจากปากลูกค้า

ธนวัฒน์ ชิวหรรณ นิสิตชั้นปี 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกหนึ่งลูกค้าประจำของร้านบอกว่า ชื่นชอบอาหารร้านนี้มาก เพราะนอกจากรสชาติจะอร่อยถูกปากแล้ว ยังมีขนาดและปริมาณที่คุ้มค่าเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูราเม็งที่โดดเด่นมากที่สุด

“ชอบมากครับ อาหารอร่อย ได้เยอะ ราเม็งอร่อยมาก และที่สำคัญผมชอบลุงแกมาก เขาบริการดีมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส กระตือรือร้น จนต้องชวนเพื่อนๆ มาลองทานด้วยครับ”

ไม่ต่างจากเพื่อนๆของเขาที่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าจะกลับมาทานอาหารที่ร้านนี้อีกแน่นอน เพราะติดใจในรสชาติและความน่ารักเป็นกันเองของลุงทาคาโอะที่ถึงแม้จะพูดภาษาไทยแทบไม่ได้ แต่ก็พยายามสื่อสารด้วยภาษากาย พูดคุยและยิ้มแย้มกับลูกค้าทุกคน

แม้คำบอกเล่าปากต่อปากจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร้านนี้เคยโด่งดังเป็นพลุแตก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า บุคคลสำคัญที่สุดคือ ทาคาโอะ โตโยโอกะ ชายสูงวัยเจ้าของฉายาลุงราเม็งสู้ชีวิตคนนี้ที่มิได้มีเจตนาให้ใครมาทานอาหารเพราะ สงสาร หรือเห็นอกเห็นใจ แต่ต้องการที่จะทำให้เห็นถึงคุณค่าของความรักในทุกอาชีพที่ตัวเองทำ ไม่ต่างจากความรักที่เขามอบให้กับลูกค้า

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

 

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

 

"อย่าสงสารผม แต่จงกินให้อร่อยและมีความสุข" ลุงราเม็งสู้ชีวิต ทาคาโอะ โตโยโอกะ

 

ข่าวล่าสุด

ยึดไม้เถื่อน! นายทุนจีน พบ ลักลอบตัดจากเขตอุทยาน มูลค่ารวม 300 ล้าน