พสกนิกรหลั่งไหลขอพรวัดพระแก้วให้"ในหลวง"ทรงแข็งแรง

พสกนิกรชาวไทย หลั่งไหลร่วมลงนามถวายพระพร ขอพร วัดพระแก้ว ให้"ในหลวง"ทรงแข็งแรง

หลังจากสำนักพระราชวังประกาศแถลงการณ์ฉบับที่11 ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะยังไม่ทรงพร้อมที่จะเสด็จออกทำพระราชกิจต่างๆ จึงได้กราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตให้งดพระราชกิจไว้ก่อนตั้งแต่ช่วงเวลา 01.17 น.  ทำให้ประชาชนที่จะไปเฝ้ารับเสด็จพระราชดำเนินที่โรงพยาบาลศิริราช พระบรมมหาราชวัง ซึ่งบางส่วนยังคงปักหลักเฝ้ารอโดยเฉพาะที่โรงพยาบาลศิริราชแต่บางส่วนตัดสินใจเปลี่ยนแผนมาลงนามถวายพระพรที่สถานที่ที่จัดเตรียมไว้บริเวณด้านในฝั่งประตูวิเศษไชยศรี ตั้งแต่ช่วงเช้า 09.00 น จนถึงเที่ยงวันที่5 ธันวาคม ได้มีข้าราชการและประชาชนหลั่งไหลมาลงนามถวายพระพรเป็นจำนวน2,600คน คาดว่าตลอดทั้งวันนี้ จนถึงเวลา17.00น. จะมีประชาชนทยอยมาลงนามต่อเนื่อง โดยจุดลงนี้จะเปิดให้ลงนามถวายพระพรในวันนี้เท่านั้น โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ดูแลประชาชนเข้าสู่พระบรมมหาราชวังไม่อนุญาตให้คนใส่เสื้อสีดำเข้าโดยเด็ดขาด

ภรณี ลุยโน คุณยายวัย 75ปี เดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรบอกว่า ทราบข่าวจากเพื่อนว่าวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังไม่พร้อมเสด็จออก จากเดิมที่ตั้งใจมาเฝ้ารอรับเสด็จจึงเปลี่ยนแผนมาร่วมลงนามถวายพระพร คุณยายภรณีบอกว่า รู้สึก ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่สมัยเป็นนิสิตอยู่ที่คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จพระองค์ท่านหลายต่อหลายครั้ง

"สมัยเด็กดิฉันเคยคิดเล่นๆว่าถ้ามีใครจะทำร้ายพระองค์จะขอเอาตัวเข้าปกป้องเพราะดิฉันระลึกเสมอว่าพระองค์ท่านทรงมีประโยชน์ต่อชาติต่อแผ่นดิน ส่วนตัวดิฉันก็มีประโยชน์แต่อาจมีเพียงประโยชน์ต่อครอบครัวเทียบไม่ได้กับพระองค์ท่าน"

คุณยายภรณีบอกว่าประทับใจที่พระองค์ท่านทำทุกอย่างเพื่อประชาชน และรู้สึกเสียใจที่มีคนจำนวนหนึ่งไม่รู้และสำนึกบุญคุณท่าน ซึ่งท่านเองก็คงเสียพระทัย

"ดิฉันเองไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากสวดภาวนาอยากให้ทุกคนหันมามีสำนึกอย่าลุแต่อำนาจและเงินทอง ส่วนตัวดิฉันยึดหลักคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ท่านไว้ในใจเสมอ"

 

ขณะที่นางอาลัย พรหมชนะ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามในบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพรเช่นกันบอกว่าทราบข่าวว่าพระองค์ท่านงดออกมหาสมาคมถามว่าผิดหวังหรือไม่ เธอบอกว่าไม่เลยเพราะเราต้องเชื่อมั่นในคุณหมอทำอย่างไรก็ได้ขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปลอดภัย

นางอาลัยบอกว่าคำสอนของพระองค์ท่านที่ยึดไว้ในใจเสมอคือ "การมีลมหายใจเพื่อแผ่นดิน" เธอเชื่อว่าถ้าคนไทยทุกคนมีลมหายใจที่ทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดินทดแทนคุณแผ่นดิน จะมากหรือน้อยแล้วแต่ศักยภาพของบุคคล แผ่นดินไทยจะงดงาม

ส่วนถนอมรัตน์ มุ่งหมาย คุณยายวัย70ปี ที่เปลี่ยนแผนมาสักการะองค์พระแก้วมรกตหลังทราบแถลงการณ์สำนักราชวังบอกว่า ตนมาขอพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระเจริญอยู่เป็นมิ่งขวัญปวงชนชาวไทยไปตลอด และบอกว่าแม้ครั้งนี้จะพลาดโอกาสรับเสด็จแต่ปกติจะเดินทางไปรอรับเสด็จที่ศิริราชอยู่แล้ว

"คำสอนที่ยึดไว้เสมอคือ หลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความที่ตอนนี้เป็นข้าราชการบำนาญ ก็ต้องใช้จ่ายอย่างพอเพียงสอนลูกหลายให้ทำตามหลักคำสอนนี้ของพระองค์ท่านและเป็นคนดีรักชาติ

 

ด้านนางสวง จันทร์เขียว อายุ 80 ปี อดีตลูกจ้างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขตสมุทรปราการ กล่าวมาทีแรกตั้งใจจะมาเฝ้ารับเสด็จพระราชดำเนินล้นเกล้าทั้ง 2 พระองค์ที่บริเวณพระบรมมหาราชวัง แต่เมื่อคืนได้มาค้างคืนที่วัดมหาธาตุเพื่อเตรียมตัว แต่เมื่อช่วงเช้าได้ทราบว่าไม่เสด็จพระราชดำเนินแล้วจึงเปลี่ยนใจมาไหว้ขอพรให้ทั้งสองพระองค์มีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์แทน โดยเชื่อว่าพระแก้วมรกตที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองจะดลบันดาลให้คำอธิฐานของคุณยายเป็นจริง " ไม่อยากให้ท่านป่วย เมื่อรู้ว่าท่านไม่เสด็จก็รู้สึกเหงาใจ มาขอพรกับพระแก้วมรกตเพราะท่านศักดิ์สิทธิ์ อยากให้ท่านหายจากอาการประชวรเร็วๆ และมีอายุที่ยืนนาน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีประชาชนมากราบไหว้พระแก้วมรกตเป็นจำนวนมาก บางคนเมื่อไหว้ที่วัดพระแก้วเสร็จแล้วก็เดินทางไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองต่อ โดยนางบัวคำ ขำจิต วัย 68 ปี ตั้งใจมาขอพรให้ทั้งสองพระองค์มีพระพลานามัยที่แข็งแรงทุกปีกับศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อีกทั้งเมื่ออยู่ที่บ้านก็จะสวดมนต์ทุกวันเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเพื่อนั่งอธิษฐานขอพรกับพระคู่เมืองของไทยเช่น พระพุทธชินราช พระแก้วมรกต หลวงพ่อโสธร พระพุทธพระธรรม พระสงฆ์ เพื่ออ้อนวอนให้ทั้งสองพระองค์มีพระพักตร์ที่ผ่องใส อายุยืน 100 ปี เพราะรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่ทรงรับหลานชายของนางเป็นครอบครัวอุปถัมป์ " ป้ามีความเชื่อว่าพระแก้วมรกตและศาลเจ้าพ่อหลักเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์หากเราตั้งจิตอธิฐานที่แรงกล้าแล้วคำสวดอ้อนวอนจะเป็นจริง"