โจวันนี โดเมนีโก กัสซีนี
วันที่ 8 มิ.ย. ปี ค.ศ. 1625 เป็นวันเกิดของ โจวันนี โดเมนีโก กัสซีนี (Giovanni Domenico Cassini)
วันที่ 8 มิ.ย. ปี ค.ศ. 1625 เป็นวันเกิดของ โจวันนี โดเมนีโก กัสซีนี (Giovanni Domenico Cassini) นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลีฝรั่งเศส ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ร่วมสมัยกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กัสซีนีมีผลงานทางดาราศาสตร์มากมาย กล่าวได้ว่าเป็นนักดาราศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของโลก ต่อจากยุคของกาลิเลโอ กาลิเลอี
เดิมกัสซีนีทำงานที่หอดูดาวปันซาโนในอิตาลี เขาได้รับแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโบโลญญา ต่อมากัสซีนีเดินทางไปฝรั่งเศสตามพระราชประสงค์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสภาวิทยาศาสตร์ และเป็นผู้อำนวยการหอดูดาวปารีสซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1671
สองปีหลังจากนั้น กัสซีนีได้รับสิทธิเป็นพลเมืองของฝรั่งเศส เขาเป็นผู้อำนวยการแห่งหอดูดาวปารีสจนถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1712 เมื่ออายุ 87 ปี ลูก หลาน และเหลนของเขา ซึ่งก็เป็นนักดาราศาสตร์เช่นกัน ได้รับตำแหน่งนี้ต่อไปอีก 3 รุ่น
กัสซีนีมีผลงานหลายอย่าง ทั้งการสังเกตร่องรอยบนพื้นผิวของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี ซึ่งทำให้เขาสามารถวัดคาบการหมุนรอบตัวเองของดาวทั้งสอง กัสซีนีค้นพบดาวบริวาร 4 ดวง ของดาวเสาร์ ได้แก่ ไอยาพิตัส เรีย ทีทิส และไดโอนี เขาสังเกตพบว่าไอยาพิตัสมีความสว่างเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งในวงโคจร เขาสันนิษฐานว่าพื้นผิวด้านหนึ่งของไอยาพิตัสถูกปกคลุมด้วยสิ่งที่มืดคล้ำกว่าอีกด้านหนึ่ง ซึ่งการสำรวจด้วยยานอวกาศยืนยันว่าเป็นเช่นนั้น
กัสซีนีค้นพบช่องว่างภายในวงแหวนของดาวเสาร์ เขาทำการวัดลองจิจูดบนพื้นโลกโดยอาศัยการจับเวลาจากปรากฏการณ์ที่เกิดกับดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี บาทหลวงและพ่อค้าชาวฝรั่งเศสที่ถูกส่งไปยังเมืองต่างๆ ของโลก รวมถึงละโว้ (ลพบุรี) ในสยาม นอกจากจะมีภารกิจด้านการเผยแผ่ศาสนาและการค้าแล้ว ก็ยังส่งผลการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์กลับไปยังหอดูดาวปารีสด้วย
ปี ค.ศ. 1672 กัสซีนีร่วมกับนักดาราศาสตร์ที่ถูกส่งไปเมืองกาแยนของเฟรนช์เกียนาในทวีปอเมริกาใต้ ทำการสังเกตตำแหน่งดาวอังคารพร้อมกันเพื่อวัดแพรัลแลกซ์ และสามารถคำนวณหาระยะห่างระหว่างโลกถึงดาวอังคารได้ ขณะนั้นนักดาราศาสตร์ทราบระยะห่างของดาวเคราะห์โดยเทียบกับระยะห่างเฉลี่ยระหว่างโลกถึงดวงอาทิตย์ที่เรียกว่าหน่วยดาราศาสตร์ การวัดของกัสซีนีและนักดาราศาสตร์ท่านอื่นๆ ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ช่วยให้สามารถแปลงจากหน่วยดาราศาสตร์ไปเป็นกิโลเมตรได้ จึงเป็นยุคที่เราทราบขนาดของระบบสุริยะที่ใกล้เคียงความจริงเป็นครั้งแรก ซึ่งพบว่าใหญ่โตกว่าที่คาดการณ์ไว้
ปี ค.ศ. 16711679 กัสซีนีสังเกตดวงจันทร์และทำแผนที่ขนาดใหญ่ของพื้นผิวดวงจันทร์เพื่อแสดงต่อสภาวิทยาศาสตร์ปี ค.ศ. 1683 กัสซีนีเป็นคนแรกที่บันทึกการสังเกตแสงจักรราศี ซึ่งเป็นแสงสลัวบนท้องฟ้า มองเห็นได้ตามแนวสุริยวิถี โดยเห็นชัดที่สุดบนท้องฟ้าบริเวณด้านเดียวกับดวงอาทิตย์ ในเวลาหลังดวงอาทิตย์ตกและก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น กัสซีนีอธิบายได้อย่างถูกต้องว่าแสงจักรราศีไม่ใช่ปรากฏการณ์ในบรรยากาศโลก แต่เป็นอนุภาคฝุ่นที่กระจายอยู่ตามแนวระนาบสุริยวิถีในอวกาศนอกโลก
กัสซีนีมีผลงานทางดาราศาสตร์มากมาย แต่เขาปฏิเสธทฤษฎีดาวเคราะห์เคลื่อนที่เป็นวงรีรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งอธิบายโดย โยฮันเนส เคปเลอร์ กระนั้น การค้นพบและการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ของกัสซีนีก็ทำให้เขาเป็นนักดาราศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของโลกในคริสต์ศตวรรษที่ 1718
ผลงานทางดาราศาสตร์ของกัสซีนี ทำให้ชื่อสกุลของเขาถูกนำไปตั้งเป็นชื่อสิ่งต่างๆ เช่น ดาวเคราะห์น้อย (24101 Cassini) บริเวณมืดคล้ำบนดาวบริวารไอยาพิตัสของดาวเสาร์ หลุมบนดวงจันทร์ หลุมบนดาวอังคาร ช่องแบ่งในวงแหวนของดาวเสาร์ กฎของแคสซีนี (เขียนตามประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ) ซึ่งอธิบายการหมุนและการเคลื่อนที่ของดวงจันทร์ในวงโคจรรอบโลก เป็นต้น
องค์การนาซาตั้งชื่อยานอวกาศสำรวจดาวเสาร์ว่ายานแคสซีนี ยานลำนี้ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศพร้อมกับยานไฮเกนส์ของอีซา (องค์การอวกาศยุโรป) เมื่อปี 2540 ยานแคสซีนีไฮเกนส์ไปถึงดาวเสาร์ในกลางปี 2547 ยานไฮเกนส์ถูกปล่อยลงสู่พื้นผิวของดาวบริวารไททัน ซึ่งเป็นดาวบริวารดวงใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์ ส่วนยานแคสซีนียังคงทำงานอยู่ในวงโคจรรอบดาวเสาร์ตราบจนถึงปัจจุบัน
ปรากฏการณ์ท้องฟ้า (8–15 มิ.ย.)
ดาวพุธเคลื่อนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ทำให้ท้องฟ้าเวลาหัวค่ำเหลือดาวเคราะห์อยู่ 3 ดวง ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวอังคาร และดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวสว่างในกลุ่มดาวคนคู่ มองเห็นอยู่ทางทิศตะวันตก ลับขอบฟ้าในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม
ดาวอังคารอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว มองเห็นอยู่สูงบนท้องฟ้าทิศใต้ในเวลาหัวค่ำ ดาวอังคารจะเคลื่อนต่ำลงและคล้อยไปทางทิศตะวันตกมากขึ้น ตกลับขอบฟ้าในเวลาตี 1 ครึ่ง ดาวเสาร์อยู่ในกลุ่มดาวคันชั่ง ผ่านจุดสูงสุดบนท้องฟ้าทิศใต้ในเวลา 4 ทุ่ม และตกลับขอบฟ้าในเวลาตี 4 ดาวศุกร์ขึ้นเหนือขอบฟ้าหลังตี 3 ครึ่ง อาจเริ่มเห็นเมื่อใกล้ตี 4 จากนั้นเคลื่อนสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อท้องฟ้าสว่างจะเห็นดาวศุกร์อยู่เหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกราว 2030 องศา
ต้นสัปดาห์เป็นข้างขึ้น คืนวันที่ 8 มิ.ย. ดวงจันทร์สว่างค่อนดวงอยู่ระหว่างดาวอังคารกับดาวรวงข้าวในกลุ่มดาวหญิงสาว หัวค่ำของคืนวันที่ 10 มิ.ย. ดวงจันทร์ผ่านใกล้ดาวเสาร์ที่ระยะ 3 องศา ดวงจันทร์จะเคลื่อนเข้าใกล้ดาวเสาร์มากที่สุดก่อนที่ดวงจันทร์จะตกในเวลาก่อนตี 4 ห่างกันเพียง 1 องศา
คืนวันที่ 1011 มิ.ย. ทางใต้ของทวีปแอฟริกา ตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย และบางส่วนของแอนตาร์กติกา จะเห็นดวงจันทร์บังดาวเสาร์ (เมืองเพิร์ทของออสเตรเลียอยู่นอกเขตการบัง ต้องอยู่ใกล้ชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของออสเตรเลียจึงจะเห็นการบัง) ตลอดสัปดาห์ ดวงจันทร์มีพื้นที่สว่างเพิ่มขึ้นทุกวัน สว่างเต็มดวงในวันที่ 13 มิ.ย.


