posttoday

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี (3)

08 มิถุนายน 2557

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จสวรรคตในปี 2352

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จสวรรคตในปี 2352 สมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีมีพระชนม์ได้ 11 พรรษา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ 2 เมื่อพระชนมายุได้ 42 พรรษาเศษ

ในวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จเข้าประทับยังพระบรมมหาราชวังพร้อมพระอัครมเหสี เจ้าจอมมารดา พระโอรสธิดาทั้งปวง และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชชนนีนั้น ทางราชการได้จัดให้เจ้าฟ้าพระราชธิดาพระองค์หนึ่งของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เป็นผู้มาเชิญเสด็จเข้าพระราชมณเฑียรเป็นฤกษ์ เจ้าฟ้าพระองค์นั้นคือ สมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี

เวลาผ่านไปอีกเพียง 4-5 ปี สมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีทรงพระเจริญขึ้นมาเป็นสาวแรกรุ่นที่มีพระรูปโฉมแน่งน้อย บอบบาง พระฉวีเปล่งปลั่ง พระกิริยามารยาทเรียบร้อย เป็นเจ้านายฝ่ายในที่งดงามมาก ดังความงามของนางบุษบาอันปรากฏในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนา ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า

“อันนางโฉมยงองค์นี้ เลิศล้ำนารีในแหล่งหล้า นวลละอองผ่องพักตร์โสภา เพียงจันทราทรงกลดหมดราคี งามดั่งโกสุมประทุมมาลย์ บานอยู่ในท้องสระศรี”

หรืออีกตอนหนึ่งว่า

“เจ้าเอย เจ้าดวงยิหวา ดังหยาดฟ้ามาแต่กระยาหงัน ได้เห็นโฉมฉายเสียดายครัน ฉุกใจไม่ทันคิดเอย”

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี (3)

 

“พักตร์น้องละอองนวลปลั่งเปล่ง ดังดวงจันทร์วันเพ็งประไพศรี อรชรอ้อนแอ้นทั้งอินทรีย์ ดังกินรีลงสรงคงคาลัย งามจริงพริ้งพร้อมทั้งสารพางค์ ไม่ขัดขวางเสียทรงที่ตรงไหน พิศพลางปฏิพัทธ์กำหนัดใน จะใคร่โอบอุ้มองค์มา ดูเดินดังดำเนินเหมราช งามประหลาดเลิศล้ำเลขา พิศไหนให้เพลินจำเริญตา พระราชาชมพลางทางถอนใจ”

ความงดงามของสมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีนี่เอง ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงต้องพระทัย จึงทรงรับเอาเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีมาชุบเลี้ยงเป็นบาทบริจาริกา เป็นเหตุให้สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี หรือเจ้าฟ้าบุญรอดกริ้วและแค้นพระทัยมาก เครื่องที่เคยทำถวายก็ไม่ทำถวาย เสด็จออกไปประทับนอกพระบรมมหาราชวัง ณ ตำหนักเดิมกับสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี พระราชโอรสองค์น้อย จวบจนพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จสวรรคต

กล่าวกันว่า เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีนั้นเปรียบเหมือนนางบุษบาวตีในพระราชนิพนธ์อิเหนา ส่วนสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระอัครชายาเดิม คือ เจ้าฟ้าบุญรอด นั้นเปรียบเหมือนนางจินตหรา ดังปรากฏข้อความอยู่ในหนังสือพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พิมพ์ปี 2509 ตอนหนึ่งว่า

“เจ้านายชั้นผู้ใหญ่พระองค์หนึ่งทรงเล่าว่า กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์นั้นทรงอยู่ในฐานะแม้นละม้ายคล้ายจินตหราในเรื่องอิเหนา เพราะเหตุที่เป็นพระประยูรญาติเรียงพี่เรียงน้อง หากแต่เป็นพระมเหสีดั้งเดิมจึงได้อยู่ฝ่ายขวา ส่วนเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีเป็นพระน้องนางเธอร่วมพระชนกเดียวกัน ได้เป็นพระมเหสีพระองค์ที่ 2 จึงต้องอยู่ฝ่ายซ้าย คล้ายบุษบาขององค์อิเหนาหรือระเด่นมนตรี ซึ่งที่แท้ก็คือพระองค์ผู้ทรงพระนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั่นเอง เมื่อองค์ระเด่นมนตรีทรงมีทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาดังนี้ ก็เป็นธรรมดาที่ฝ่ายขวาจะต้องขึ้งโกรธและทรงระทมตรมตรอม นัยเดียวกันกับพระราชนิพนธ์ที่ว่า “เมื่อนั้น จินตะหราวาตีมีศักดิ์ ฟังตรัสขัดแค้นฤทัยนัก สะบัดพักตร์ผินหลังไม่บังคม” เหตุการณ์เป็นเช่นนี้เรื่อยๆ มา ในที่สุดกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทร์ก็เสด็จหนีไปประทับ ณ พระราชวังเดิม กรุงธนบุรี มีเจ้าฟ้าพระองค์น้อย คือ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวติดต้อยตามเสด็จไปเป็น “ลูกแม่” คอยปลอบประโลมพระทัยให้คลายเศร้า แต่เจ้าฟ้าพระองค์น้อยหรือฟ้าน้อยก็ยังคงวิ่งไปวิ่งมาระหว่างพระชนกกับชนนีระหว่างกรุงเทพฯ กับธนบุรี จนกระทั่งพระชนม์ได้ 12 ปี 6 เดือน ได้รับพระราชพิธีเต็มตามพิธีใหม่ชั้นเจ้าฟ้า”

มีเสียงเล่าสืบกันมาว่า สมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีนั้น ไม่สมัครพระทัยเลยในการที่จะต้องมาอยู่ในฐานะเป็นน้อย แม้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจะโปรดปรานมากเพียงใด แต่พระองค์ก็ได้กราบทูลสมเด็จพระบรมราชสวามีว่า “หม่อมฉันไม่ต้องการอะไรเลย ยศถาบรรดาศักดิ์ ขอแต่ให้ลูกได้เล่าเรียนดีเท่านั้น”

พระองค์ประสูติพระโอรส 3 พระองค์ พระธิดา 1 พระองค์ แต่พระธิดานั้นสิ้นพระชนม์เสียแต่ยังทรงพระเยาว์อยู่ ยังเหลือแต่พระโอรสทั้งสามพระองค์ คนในสมัยนั้นก็ไม่ได้ยินใครเรียกว่าเจ้าฟ้าหรือทูลกระหม่อมฟ้า เรียกกันอยู่ว่าองค์ใหญ่ องค์กลาง องค์ปิ๋ว พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ ท่านก็ทรงได้ยินแต่ไม่ทรงกริ้วกราดทักท้วงประการใด เรียกกันอยู่แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า ทูลกระหม่อมพระองค์ใหญ่ ถ้าเป็นคำทูลในหลวงก็ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ามงกุฎฉะนั้นและเรียกพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า ทูลกระหม่อมพระองค์น้อย ถ้าเป็นคำทูลในหลวงก็ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอสุนีบาศฉะนั้น

ข่าวล่าสุด

LIVE ดูบอลสด ถ่ายทอดสด อีสปอร์ต FC Mobile ไทย พบ เวียดนาม นัดชิงฯ วันนี้