posttoday

เจ้าจอมลาวโซ่ง ในรัชกาลที่ 5

09 มีนาคม 2557

เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) ขุนนางผู้ใหญ่สายสกุลบุนนาค เจ้าเมืองเพชรบุรี

เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) ขุนนางผู้ใหญ่สายสกุลบุนนาค เจ้าเมืองเพชรบุรีและข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี มีหน้าที่ปกครองหัวเมืองใหญ่ 5 เมือง คือ ปราณบุรี สมุทรสงคราม ราชบุรี กาญจนบุรี และเพชรบุรี นับเป็นขุนนางที่ทรงอิทธิพลมากคนหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาก นอกจากจะนำธิดาอันเกิดจากท่านผู้หญิงอู่ เอกภรรยา คือ เจ้าจอมมารดาอ่อน เจ้าจอมมารดาเอิบ เจ้าจอมเอื้อน เข้าไปถวายให้เป็นข้าราชสำนักฝ่ายใน รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทแล้ว ต่อมายังได้นำธิดาอันเกิดจากอนุภรรยา 2 คน คือ เจ้าจอมแก้ว และเจ้าจอมแส เข้าไปถวายรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอีกเช่นกัน

ในบรรดาเจ้าจอมทั้ง 7 คนที่เป็นธิดาของเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์นี้ มีเจ้าจอมแสแต่เพียงผู้เดียวที่มีมารดาสืบเชื้อสายมาจากลาวโซ่ง เชลยสงครามตั้งแต่ปลายสมัยกรุงธนบุรี และแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวที่อพยพมาอยู่เมืองเพชรบุรี โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าบรรดาลาวโซ่งหลายตระกูลได้เข้ารับราชการใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บนพระนครคีรี (เขาวัง) ในตำแหน่งเด็กชา สังกัดกองมหาดเล็กและลาวโซ่งบางตระกูลก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางในราชสำนัก

ส่วนเรื่องราวของเจ้าจอมแส ที่มีมารดาสืบเชื้อสายมาจากลาวโซ่ง เมืองเพชรบุรีนั้น ว่ากันว่ามีเหตุสืบเนื่องมาจากเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ เจ้าเมืองเพชรบุรี ได้เดินทางพร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัดไปยังพื้นที่หนองกะโล้ ซึ่งปัจจุบันคือบ้านท่าโล้ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นถิ่นที่ลาวโซ่งอาศัยอยู่ ด้วยความประสงค์จะไปล่าสัตว์ที่เขาเจ้า (แก่งกระจาน) ตอนขากลับจากการล่าสัตว์ผ่านมาแวะบ้านกำนันฮ่อ (ห้อ) ที่บ้านหนองกะโล้ ได้พบลูกสาวกำนันฮ่อ เกิดความพอใจเลยขอเอาไปเป็นเมีย แต่มีเสียงเล่าลืออีกกระแสหนึ่งเล่าว่า

ในครั้งนั้นเจ้าพระยาสุรพันธ์ฯ (เทศ) ได้เกณฑ์ทหารมาตัดไม้ถางพงอยู่บริเวณบ้านหนองกะโล้ (ท่าโล้) ตกกลางคืนกางเต็นท์อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับบ้านหนองกะโล้ คนลาวโซ่งเวลาพลบค่ำก็ออกมาอยู่ข่วง ผู้หญิงก็กรอด้ายทอผ้าอยู่ที่ลานข่วง เจ้าพระยาสุรพันธ์ฯ ก็ได้มาลงข่วงด้วย โดยแวะมาที่บ้านกำนันฮ่อ (ห้อ) จึงได้พบกับเด็กสาวชื่อทรัพย์ ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก อยากจะได้เอาเป็นเมียจึงได้เอ่ยปากขอทรัพย์ลูกสาวกำนันฮ่อ (ห้อ) เอาไปอยู่จวนเจ้าเมือง แต่กำนันฮ่อ (ห้อ) ได้ปฏิเสธบ่ายเบี่ยงเลี่ยงว่าลูกสาวยังเด็กเล็กนัก อย่าเอาไปเลย ที่ใต้ถุนเรือนมีวัวงามอยู่หนึ่งคู่ ถ้าท่านเจ้าเมืองพอใจก็เอาไปเถอะ ขออย่าเอาลูกสาวไปเลย

ต่อมาภายหลังเจ้าพระยาสุรพันธ์ฯ (เทศ) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ในสังกัดพร้อมกับขบวนเกวียนมารับเอาตัว “ทรัพย์” ไปยังจวนเจ้าเมือง ทรัพย์ลูกสาวกำนันฮ่อ (ห้อ) ท่าโล้จึงเข้าสู่สกุลบุนนาคนับแต่นั้นมา

สาวงามลาวโซ่งที่ชื่อทรัพย์นั้น เลื่องลือกันว่ามีความงดงาม ผิวเนื้อเหลืองสวยกว่าทุกคนในหมู่บ้าน เป็นที่หมายปองของบรรดาชายหนุ่มเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่สันนิษฐานกันว่าในราวต้นปี 2429 มีจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันบันทึกไว้ว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเขาลูกช้างเมืองเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 2022 ก.พ. ความว่า

(20 ก.พ. 2429)...เวลาย่ำรุ่งแล้วเสด็จพระราชดำเนินทรงม้าพระที่นั่งชื่อ ผยองเวหาศ มีขบวนนำแลตาม แลมีรถประเทียบข้างใน เสด็จพระราชดำเนินจากพระนครคีรีข้ามสะพานช้างไปตามถนนตลาด เลี้ยวถนนไปตามระยะทางเป็นบ้านใหม่ไปถึงไร่ตีนน้ำ 100 เส้น ถึงท่าเสนเป็น 200 เส้น แต่ท่าเสนถึงบึงงามเป็น 300 เส้น ไปอีกหน่อยหนึ่งเป็นที่ที่กรมการทำพลับพลา ตำบลคลองยอ ครู่หนึ่งเสด็จไปถึงท่ากระเทียม 400 เส้น ไปถึงท่าคอย 500 เส้น ไปอีก 100 เป็น 600 เส้น แล้วถึงพลับพลาท่าแฝก กรมการทำไว้รับเสด็จ เสด็จประทับเสวยที่พลับพลานี้ เวลาบ่าย 2 โมงครึ่ง ออกจากพลับพลา ระยะแต่นี้ไปเป็น ป่าไม้ทั้งนั้นอีก 100 เส้น เป็น 700 เส้น ถึงดงประยงค์ต่อไปอีกถึงพชะคราม เป็น 800 เส้น ถึงอ่างหินเป็น 900 เส้น ถึงทุ่งวัวแดง 1,000 เส้น ถึงกลับชี มีพลับพลาที่ประทับพลับพลาเต็นท์ข้างในมาถึงค่ำวันนี้ ประทับแรมที่นี่พลับพลาที่ประทับเป็นเต็นท์หมด กำแพงใบไม้มีปะรำ คนนอนรอบท้องพระโรงเป็นปะรำมุขใบตาล...

(21 ก.พ. 2429)...เวลาย่ำรุ่งเศษ เสด็จไปประพาสเขาลูกช้าง ทางแต่พลับพลาที่ประทับไป 30 เส้น ถึงตำบล เรียกว่า เขาลูกช้าง เป็นป่าแลเนินดินทำนองพระแท่นดงรัง มีหินเป็นเขามอซ้อนกันเป็นรูปต่างๆ ซ้อน 3 ก้อนบ้าง 4 ก้อนบ้าง เป็นอันมาก แต่ที่สำคัญนั้นมีรอยพระพุทธบาท ทรงพระราชดำริว่าจะให้ปฏิสังขรณ์เป็นมณฑปสวมเสีย ประพาสอยู่จนเช้า 4 โมงเศษ เสด็จกลับประทับพลับพลาเต็นท์ที่ประทับแรม แต่พื้นที่แลอากาศในที่นี้ร้อนจัดในเวลากลางวันมาก ครั้นเวลาค่ำก็หนาว

เวลาบ่าย 5 โมงเศษ เสด็จลงเรือสำปั้นประพาสตามลำน้ำ ล่องลงท้ายน้ำหน่อยหนึ่งแล้วขึ้นเหนือน้ำ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินคนทำการพลับพลาแลทางกรรมการผู้ใหญ่ผู้น้อยเสื้อสักหลาด นายกองแลตัวไพร่ เงินคนละ 2 บาท ทุกคน...

(22 ก.พ. 2429)...เวลาเช้า 2 โมงเช้า เสด็จทรงม้า พร้อมด้วยกระบวนนำแลตามมีรถประเทียบตามเสด็จ เสด็จกลับจากพลับพลาท่ากลับชี มาโดยระยะทางถึงท่าแฝกเช้า 4 โมงเศษ ประทับร้อน เสวยเช้า ประทับอยู่จนบ่าย 2 เสด็จจากพลับพลาท่าแฝกมาโดยระยะทางถึงท่าคอย หยุดทอดพระเนตรวัดแลพลับพลาซึ่งทำค้าง แล้วเสด็จต่อมาถึงพลับพลาคลองยอประทับครู่หนึ่ง พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณมาเฝ้าถวายหนังสือต่างๆ แล้วเสด็จต่อมาจนถึงพระนครคีรี เวลาย่ำค่ำเสด็จขึ้น

การเสด็จประพาสเขาลูกช้างของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ ในฐานะเจ้าเมืองเพชรบุรีผู้ปกครองท้องที่จึงต้องออกไปสำรวจตรวจงาน ตรวจความเรียบร้อยของเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินไม่ให้ขาดตกบกพร่อง จึงอาจจะไปตั้งเต็นท์พักแรมอยู่ที่หนองกะโล้ (ท่าโล้) เป็นเหตุให้พบกับเด็กสาวชาวโซ่งที่ถูกตาต้องใจ จนกลายเป็นเรื่องราวของสาวโซ่งในตระกูลบุนนาค ลาวโซ่งที่ชื่อทรัพย์จึงเป็นสาวงามคนแรกของโซ่งตระกูลหนึ่งที่เข้าไปมีบทบาทในจวนเจ้าเมืองเพชรบุรีในฐานะอนุภรรยาคนหนึ่งของเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) และมีลูกสาวเป็นถึงเจ้าจอม ข้าราชสำนักฝ่ายในที่รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

สาวลาวโซ่งได้ให้กำเนิดบุตรีแก่เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์คนหนึ่ง เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ปี 2435 มีชื่อว่าแส ต่อมาเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ได้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี ขณะนั้นบุตรสาวที่ชื่อแส อายุได้เพียง2 ขวบ คุณทรัพย์ผู้มารดาจึงไปตามน้องสาวที่ชื่อติ่งให้ไปช่วยเลี้ยงหลานที่เมืองราชบุรี การเข้ามาอยู่ในตระกูลขุนนางที่มีอำนาจราชศักดิ์และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับราชสำนัก คุณทรัพย์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่มีความเฉลียวฉลาด จึงมองเห็นโอกาสและหนทางที่จะเลี้ยงดูแสผู้เป็นลูกสาวของตนให้ไม่น้อยหน้าธิดาคนอื่นๆ ของเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้น เมื่อบุตรสาวเริ่มมีอายุเป็นสาวรุ่น คุณทรัพย์จึงได้มอบหมายให้มาอยู่ในความอุปการะของเจ้าจอมเอิบพี่สาวต่างมารดา เพื่อไม่ให้บุตรสาวของตนรู้สึกต่ำต้อยด้อยกว่าคนอื่น เพราะมีแม่เป็นลาวโซ่ง เจ้าจอมเอิบซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นสนมเอก ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพำนักอยู่ในสวนพุดตาน ก็ได้ให้ความอุปการะเลี้ยงดูแส ผู้เป็นน้องสาวด้วยความรักใคร่เอาใจใส่และให้การอบรมบ่มเพาะเป็นอย่างดี จนกระทั่งแสผู้น้องสาว เติบโตขึ้นเป็นสาวรุ่นที่งดงามทั้งกิริยามารยาทเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติอันครบถ้วนของกุลสตรีชาววัง จนกระทั่งวันหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จผ่านมาเห็นเด็กสาวแรกรุ่นสดใสนั่งอาบน้ำอยู่ในคลองหน้าตำหนักเจ้าจอมเอิบ เมื่อเสด็จเข้าไปข้างในตำหนักรับสั่งถามเจ้าจอมเอิบถึงสาวน้อยที่กำลังอาบน้ำอยู่ เมื่อทรงทราบว่าเป็นใครจึงรับสั่งขอสาวน้อยนั้นกับเจ้าจอมเอิบ สาวน้อยจากตระกูลบุนนาค สายเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์คนสุดท้าย จึงได้รับใช้ใต้เบื้องยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เมื่อมีอายุได้ 16 ปี ในตำแหน่งเจ้าจอมแส เมื่อเจ้าจอมแสเข้ารับราชการฝ่ายในเป็นเจ้าจอมพระสนมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ว่ากันว่าอยู่ในระหว่างปี 2450 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตในปี 2453 ก็เท่ากับว่าเจ้าจอมแสมีโอกาสรับใช้เบื้องพระยุคลบาทอยู่เพียงไม่กี่ปี เจ้าจอมแสจึงกลายเป็นหม้ายตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ถึงกระนั้นเจ้าจอมแสก็ยังคงรำลึกถึงพระเมตตาและพระบาทมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่เสื่อมคลาย ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดี ครองตนอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาววังทุกกระเบียดนิ้ว รักษาพระเกียรติยศพระเกียรติภูมิของสมเด็จพระบรมราชสวามี ไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม โดยไม่ข้องแวะกับมลทินใดๆ จนสิ้นอายุขัย เป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในตระกูลบุนนาค และผู้คนในราชสกุลต่างๆ ไม่น้อยเลย

แม้เจ้าจอมแสจะมีฐานันดรเป็นเจ้าจอมพระสนมของพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เจ้าจอมแสก็ไม่ได้หลงตนอยู่ในยศถาบรรดาศักดิ์ จนลืมเผ่าพงศ์ชาติกำเนิดครึ่งหนึ่งที่มาจากลาวโซ่ง เมื่อออกจากราชสำนักมาพำนักอยู่ที่บ้านราชวัตรกับบรรดาหลานๆ และญาติมิตร เจ้าจอมแสก็ให้ความอุปการะเลี้ยงดูญาติสนิททั้งทางสายตระกูลบุนนาค และสายลาวโซ่งทางมารดาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ลาวโซ่งท่าโล้ที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับเจ้าจอมแส ต่างก็ได้ไปมาหาสู่เจ้าจอมแสไม่ขาดสาย เจ้าจอมแสได้ปลูกจิตสำนึกมิให้ลูกหลานลาวโซ่งลืมชาติกำเนิด เคยแต่งตัวเป็นโซ่งอย่างไร เมื่อไปพบท่านก็ขอให้แต่งอย่างนั้น ท่านย้ำว่า “คนที่ลืมชาติกำเนิดจะไม่เจริญ” เจ้าจอมแสจึงเป็นปูชนียบุคคลของลาวโซ่งท่าโล้ เมืองเพชรบุรี ที่ได้รับการเคารพยกย่องและเล่าขนากันต่อมาจวบจนปัจจุบัน

เจ้าจอมแส ผู้ถือกำเนิดมาจากมาดาที่เป็นลาวโซ่ง บ้านท่าโล้ ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2521 รวมสิริอายุได้ 86 ปีอัฐิของท่านบรรจุอยู่ในเจดีย์ติดกับเจดีย์ของเจ้าจอมเอิบ พี่สาวที่อุปการะท่านมา ณ สุสานหลวง วัดราชบพิธ ซึ่งลูกหลานในตระกูลบุนนาค และเครือญาติเผ่าพงศ์ลาวโซ่ง บ้านท่าโล้ เพชรบุรี จะร่วมกันมาบำเพ็ญกุศลให้เป็นประจำในทุกปี

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ