posttoday

เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ที่เผาศพบรรดาศักดิ์

02 มีนาคม 2557

สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ดำรงตำแหน่งในฐานะประธาน

โดย...สมาน สุดโต

สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ดำรงตำแหน่งในฐานะประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช หรือในฐานะประมุขสงฆ์ไทยมานานถึง 9 ปี มรณภาพเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2556 ขณะที่ดำรงตำแหน่งสำคัญนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศย่อมุมไม้สิบสอง ต่อมาเมื่อบำเพ็ญกุศลครบ 50 วัน ในวันที่ 28 ก.ย. 2556 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเลื่อนชั้นเกียรติยศ จากโกศย่อมุมไม้สิบสองเป็นโกศมณฑปใหญ่ ซึ่งนับเป็นเกียรติยศสูงสุดที่พระราชทานแก่สมเด็จพระราชาคณะ

โกศมณฑปใหญ่ทำด้วยไม้แกะสลักลวดลาย ทรงสี่เหลี่ยมฝายอดทรงมณฑปปิดทองประดับกระจกสี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 สำหรับพระราชทานทรงศพพระเจ้าบรมวงศ์ พระองค์เจ้า และพระเจ้าวรวงศ์ พระองค์เจ้าที่ทรงกรม ข้าราชการชั้นเสนาบดีที่เป็นราชสกุล

ผู้มีบรรดาศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานโกศเป็นเกียรติยศ จะได้รับพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ รวมทั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในงานพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 9 มี.ค. 2557 เวลา 17.00 น.

เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ที่เผาศพบรรดาศักดิ์

 

เมรุหลวง

เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ มีการพัฒนามาจากเมรุหลวงที่สร้างเป็นการชั่วคราวด้วยไม้ เพื่อพระราชทานเพลิงศพผู้มีบรรดาศักดิ์ ทั้งพระราชวงศ์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่ชั้นธรรมขึ้นไป เสนาบดี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูง เมื่อสร้างบ่อยๆ ความสิ้นเปลืองย่อมมีสูง จึงมีความดำริที่จะสร้างเมรุหลวงถาวร แต่กว่าจะสร้างได้ ผู้ที่รับผิดชอบ เช่น พล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ ผู้เป็นหัวหน้าบริหารงานในราชสำนัก ต้องอดทนฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการ เพราะผู้มีบรรดาศักดิ์หลายท่านยังไม่เห็นชอบในการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อพล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ เสนอด้วยเหตุด้วยผล จึงได้เมรุหลวงถาวรขึ้นมา แม้ว่าการสร้างเตาเผาจะมีปัญหาในตอนแรก ช่วงที่ทดสอบความพร้อม ท่านก็บอกกับช่างผู้ก่อสร้างด้วยความมั่นใจและรับผิดชอบ ว่า ท่านพร้อมจะเอาเกียรติยศชื่อเสียงเผาไปพร้อมกับเมรุหลวงถาวรแห่งนี้ เมื่อตั้งใจดี แล้วผิดพลาดขึ้นมา

เมื่อสร้างเสร็จ มีความพร้อมสมบูรณ์ใช้งานเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ จึงประเดิมด้วยการพระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์

กว่าจะมีเมรุถาวร

แสงสูรย์ ลดาวัลย์ เขียนไว้ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ พล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2514 ว่า

ต่อมาเมื่อเดือน พ.ย. 2501 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พระอุปัทยาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ้นพระชนม์ลง พล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ จึงได้กราบบังคมทูลถวายความเห็นว่าควรที่จะสร้างเมรุถาวรขึ้นถวายพระเพลิงสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ เป็นพระองค์แรก ต่อไปจึงใช้กับพระศพพระราชวงศ์และผู้มีเกียรติอื่นๆ ปัญหาเรื่องที่จะมีใครรังเกียจอย่างใดก็คงไม่มี เพราะสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ก็ทรงเป็นที่เคารพสักการะของพระราชวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และปวงชนทั่วไปอยู่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริเห็นชอบ และทรงสนับสนุน ทำให้ พล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ มีกำลังใจดำเนินงานเกี่ยวกับการสร้างเมรุถาวรยิ่งขึ้น

กรมศิลปากรได้เสนอแบบเมรุที่ดัดแปลงมาจากรูปเมรุพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมา ซึ่งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงออกแบบให้ พล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ และคณะกรรมการ จ.ซ.พ. พิจารณา ก็ลงมติเห็นชอบพร้อมกัน

แต่ก็ยังมีปัญหาที่น่าหนักใจ คือ เรื่องปล่องควัน การเอาปล่องวกกลับลงใต้ดินให้ไปขึ้นหลังซ่าง ห่างจากตัวเมรุกว่า 100 เมตรนั้น แม้จะใส่พัดลมช่วยดูดควันอยู่ที่ปลายปล่อง แต่ควันจะออกได้โดยสะดวกหรือไม่ยังเป็นที่หนักใจ ไม่มีใครกล้าที่จะรับรองยืนยันผล

พล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ ก็เป็นผู้ให้กำลังใจแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า “ขอให้ดำเนินการไปเถิด ผมรับผิดชอบทุกอย่าง ถ้าเกิดผิดพลาดบกพร่องใช้เตาเผาไม่ได้ ความผิดทั้งหมดเป็นของผม ผมยอมให้เมรุที่เราจะทำด้วยความตั้งใจดีแต่ไม่สำเร็จนี้เผาชื่อเสียงเกียรติยศผมแต่ผู้เดียว”

แก้ไขที่ขัดข้อง

เมื่อผู้เป็นต้นคิดและเป็นประธานกรรมการจัดสร้างได้ให้กำลังใจเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงมีจิตใจมั่นคงขึ้น เต็มใจที่จะร่วมเสี่ยงกับท่าน

เมื่อสร้างเสร็จและติดตั้งเครื่องพ่นไฟเผาแล้ว ก็ได้มีการทดลองเผา กระดาษ ผ้า และไม้กันก่อน ก็เกิดความขลุกขลักขัดข้องอย่างน่ากลัว เช่น ควันเดินไม่สะดวกเกิดความกดดันขึ้นภายในเตาเผา ทำให้ไฟจากเครื่องพ่นย้อนกลับออกมาทั้งทางช่องเครื่องเผาและทางช่องสำรวจศพ ทำเอาเจ้าหน้าที่ทดลองหน้าตาแทบพอง เหตุขัดข้องเกิดจากมีน้ำเข้าไปขังในท่อใต้ดิน เมื่อสูบน้ำออกหมดแล้วก็เผาได้ ปล่องใต้ดินนั้นไม่ได้ใช้ปล่องโลหะ ด้วยเกรงว่าจะเกิดสนิมผุกร่อน คงใช้ท่อเคลือบ เหตุที่รั่วซึ่งตรวจพบในภายหลังปรากฏว่ารั่วที่ปูนซีเมนต์ซึ่งยาแนวระหว่างขั้นต่อของปล่องแต่ละท่อน

พระศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้า

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็แก้ตก สามารถถวายพระเพลิงสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ เป็นพระศพแรกด้วยความเรียบร้อย (เดือน พ.ย. 2502)

และต่อมาก็ได้ใช้ในการพระราชทานเพลิงศพที่มีเกียรติยศได้รับพระราชทานโกศเรื่อยมาตราบเท่าทุกวันนี้

พล.ต.หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ ผู้ต้นคิดริเริ่มสร้างเมรุถาวรสำหรับเผาศพโกศท่านก็จะต้องได้รับพระราชทานเพลิง ณ เมรุที่ท่านริเริ่มและวิ่งเต้นให้มีขึ้น แม้ว่าร่างของท่านจะสูญสิ้นเหลือแต่สรีรางคาร แต่ตราบใดที่เมรุถาวรหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ยังคงใช้อยู่ ก็ย่อมเป็นเครื่องเตือนใจให้คิดถึงความริเริ่มของท่านอยู่ตราบนั้น

(ขอขอบคุณ คุณอร่าม สวัสดิวิชัย ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล)

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!