ทรงวาดถนนสายเศรษฐกิจโบราณ
โดย...สมาน สุดโต
โดย...สมาน สุดโต
ทรงวาด เป็นถนนสายเศรษฐกิจโบราณ มีตำนานตั้งแต่ชื่อถนน ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงวาด ถนนนี้จึงมีนามอันเป็นมงคลถึงทุกวันนี้
หนังสือเสน่ห์เมืองจิ๋ว ทำเลมังกรทอง พูดถึงถนนทรงวาด ว่าเป็นพื้นที่เก่าแก่ เป็นศูนย์กลางของเรือโดยสาร และขนส่งสินค้าสู่เมืองชายทะเลรอบอ่าวไทย อาทิ ชลบุรี จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร บ้านดอน เป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา มีความสำคัญมาก ยุคที่ต้องใช้เรือบรรทุกสินค้า ทำให้ถนนทรงวาดมีท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าหลายแห่ง รวมทั้งท่าเรือข้ามฟาก
สิ่งอำนวยความสะดวกคู่ท่าเทียบเรือ ได้แก่ โกดังเก็บสินค้า จึงเห็นถนนทรงวาดมีโกดังสินค้าหลายแห่ง และมีร้านค้ารับซื้อสินค้าเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด รวมทั้งแป้งต่างๆ นับว่าเป็นย่านที่มีการค้าส่งพืชผลทางการเกษตรของประเทศ จึงมีห้างและบริษัทค้าพืชผลทางการเกษตรตั้งอยู่เรียงราย ยกตัวอย่างร้านค้าพืชเกษตรรายใหญ่ เช่น บริษัท นานาพรรณเกษตรอุตสาหกรรม ก็อยู่บริเวณถนนทรงวาดถึงปัจจุบัน
บางรายเติบโต ขยายการลงทุนแตกแขนงไปในสินค้าและบริการอื่นๆ อีกมาก เช่น บริษัท สหพัฒนพิบูล ก็มีจุดกำเนิดที่ถนนทรงวาด มิไยต้องกล่าวถึงเจียไต๋ ที่ค้าขายเมล็ดพืชพันธุ์เกษตรที่ถนนทรงสวัสดิ์ ติดกับวัดสัมพันธวงศ์ หรือวัดเกาะ ก็เติบโตจากถิ่นนี้เช่นกัน
ส่วนท่าเทียบเรือหลายแห่งได้เลิกกิจการไปแล้ว รวมทั้งท่าเรือข้ามฟากชื่อท่าเรือสวัสดี ที่ข้ามฟากระหว่างวัดเกาะ (วัดสัมพันธวงศ์) กับวัดทองธรรมชาติ และวัดทองนพคุณ ก็เหลือแต่ตำนาน
ท่าเทียบเรือที่ยังคงเปิดบริการ ได้แก่ ท่าเรือราชวงศ์ ที่มีเรือบริการข้ามฟากระหว่างท่าน้ำราชวงศ์และท่าดินแดง แต่จะอยู่ยงได้นานแค่ไหนก็ต้องเอาใจช่วยและติดตาม เพราะเห็นป้ายประท้วงการสร้างสะพานแขวนอยู่ตามด้านหน้าตึกย่านราชวงศ์
ถนนทรงวาด ตั้งอยู่ในเขตสัมพันธวงศ์ ความยาวไม่ถึงกิโลเมตร เริ่มจากท่าน้ำราชวงศ์ ไปสิ้นสุดที่วงเวียนถนนสี่พระยา ต่อกับถนนข้าวหลาม นอกจากร้านค้าสินค้าการเกษตร ยังมีสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงศรัทธาความเชื่อและแหล่งบ่มเพาะปัญญาอีกหลายแห่ง เพราะเป็นแหล่งรวมของชนหลายเชื้อชาติที่เข้ามาหากินในสยามตั้งแต่โบร่ำโบราณ จึงเห็นศาลเจ้าหลายแห่ง เช่น ศาลเจ้าปุนเถ้ากง และมัสยิดหลวงโกชาอิศหาก รวมทั้งโรงเรียนเผยอิง เป็นต้น
การจะเดินเที่ยวบนถนนสายนี้ง่ายมาก ถ้าท่านขึ้นเรือโดยสารจากท่าน้ำราชวงศ์ ให้เลี้ยวขวาเดินหาความรู้ไปตามถนนสายนี้ โดยใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที อาคารแห่งแรกตรงที่หัวถนน คือ อาคารแบบยุโรป อายุตึกคงไม่น้อยกว่า 100 ปี
อาคารบางแห่งที่อยู่ลึกเข้าไป ชาวบ้านเรียกว่าเป็นอาคารผลไม้ เพราะตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน มังคุด มะเฟือง ทับทิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นกิจกรรมในอดีต
ถนนทรงวาด เป็นถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่ขึ้นฝั่งของชาวจีนที่มีตำนานว่ามาแบบเสื่อผืนหมอนใบ เดินทางมาจากเมืองจีน เพื่อขุดทองในเมืองไทย ด้วยความยากลำบาก เมื่อขึ้นฝั่งได้ก็รำลึกถึงองค์เทพที่ช่วยให้เดินทางถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย จึงสร้างศาลเจ้าไว้บูชาแห่งแรก คือ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อยู่ติดกับวัดปทุมคงคา หรือวัดสำเพ็ง ต่อมาก็มีศาลเจ้าปุนเถ้ากง
ตามประวัติที่มีในเว็บไซต์ว่า ศาลเจ้าปุนเถ้ากงแห่งนี้เกิดจากความศรัทธาและความเชื่อของชาวจีนที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ขึ้นเรือที่ท่าน้ำทรงวาด ซึ่งแต่เดิมเป็นท่าน้ำที่ใช้ในการขนส่งสินค้า และมีการติดต่อกับชาวต่างประเทศจำนวนมาก ชาวจีนที่อพยพมาต้องการกำลังใจในการทำงานในสถานที่ที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตนเอง จึงได้ตั้งศาลเจ้าเพื่อเป็นที่เคารพบูชาและเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ขอให้อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองในการดำเนินชีวิตประจำวัน และทำกิจการค้าโดยเฉพาะชาวจีนแต้จิ๋ว ทั้งนี้ เนื่องจากการเดินทางออกจากประเทศจีนในสมัยก่อนได้รับความลำบากมาก ดังนั้น การนับถือเทพเจ้าเพราะเชื่อว่าเทพคุ้มครองและช่วยเหลือ เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือปัญหา ทำให้ตนมีความปลอดภัย ประสบความสำเร็จในการทำงาน จึงเปรียบเสมือนกำลังใจที่ทำให้เกิดความมุมานะ และอดทนต่ออุปสรรคในการปฏิบัติงาน ปรากฏหลักฐานซึ่งเป็นระฆังใบใหญ่ในศาลเจ้ามีตัวอักษรจีนจารึกไว้ว่า สร้างในปีที่ 4 ของกษัตริย์เต้ากวงแห่งราชวงศ์ชิง ประมาณปี พ.ศ. 2367 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรีของไทย จากแผนที่ไฟไหม้ ต.สำเพ็ง วันที่ 4 เม.ย. 2449 แสดงให้เห็นว่า แต่เดิมศาลเจ้าตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของศาลปัจจุบัน
ศาลปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการบูรณะศาลเจ้าสรุปได้ความว่า ศาลแห่งนี้เป็นศาลที่ชาวจีนแต้จิ๋วโพ้นทะเลในเมืองไทยให้ความเคารพอย่างสูง มิงก๊กปีที่ 5 (พ.ศ. 2460) ได้มีการสร้างใหม่ด้วยเงินบริจาคจากคณะกรรมการและผู้มีจิตศรัทธา รวมเป็นเงิน 3.6 หมื่นบาท ใช้เวลา 28 ปี จึงแล้วเสร็จสมบูรณ์ในมิงก๊กปีที่ 32 (พ.ศ. 2488) ปัจจุบัน (พ.ศ. 2552) อาคารแห่งนี้มีอายุ 64 ปี และในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ และสร้างซุ้มประตูศาลเจ้าเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา โดยสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย สมัยที่ 34 ภายใต้การนำของนายกสมาคมฯ วิสิทธิ์ ลีละศิธร พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาอีก 7 ท่าน จัดสร้างถวายด้วยงบประมาณการก่อสร้าง 10 ล้านบาท ตามแผ่นจารึกไว้ที่ผนังอาคารส่วนหน้า ด้านซ้ายมือเมื่อผ่านธรณีประตูศาลเจ้าเข้ามา (เนื่องจากศาลเจ้าแห่งนี้อยู่ในความดูแลของสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย)
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมศาลเจ้าแห่งนี้ 3 ครั้งแล้ว
ที่ติดกับศาลเจ้า คือ โรงเรียนเผยอิง เป็นโรงเรียนสร้างเจ้าสัวหลายคน ตั้งแต่ อุเทน เตชะไพบูลย์ บุญชู โรจนเสถียร และเจริญ สิริวัฒนภักดี เป็นต้น
โรงเรียนนี้สร้างเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2463 ผู้ก่อตั้งคือ บ่อนหวย หรือ พระอนุวัฒน์ราชนิยม (แต้ตี้ย้ง)
เมื่อเดินลึกเข้าไปจะพบมัสยิดหลวงโกชาอิศหาก เป็นมัสยิดของชุมชนชาวมุสลิม ที่มีแห่งเดียวในย่านไชน่าทาวน์ เป็นแห่งเดียวที่เป็นมัสยิดทรงยุโรป สร้างขึ้นโดยหลวงโกชาอิศหาก บนเนื้อที่ 2 ไร่ ในสมัยรัชกาลที่ 4
เมื่อเยือนถนนสายสั้นๆ ก็รำลึกถึงสัจธรรม แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ประวัติศาสตร์ถนนนี้ไม่เคยเปลี่ยน คงเป็นถนนสายเศรษฐกิจถึงปัจจุบัน


