หาก ปชป.บอยคอตเกิดฝ่ายค้านทางสังคม

นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ข้อเสนอของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริ์ยทรงเป็นประมุข (กปปส.) ต้องการให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากรัฐบาลรักษาการนั้น ทำไม่ได้เพราะการยุบสภานั้นต้องระบุวันเลือกตั้ง รัฐบาลรักษาการมีอายุไม่เกิน 60 วัน

เมื่อถามว่า กปปส.ต้องการให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง นิธิ กล่าวว่า ข้อเสนอของ กปปส.นั้นต้องการให้เกิดสุญญากาศ เดาไม่ถูกว่าแกนนำ กปปส.บางคนไม่มีทางเลือกอื่นเลย ลองคิดว่าประชาชนหรือผู้ชุมนุมพอใจการยุบสภาแล้วกลับบ้านนั้น ถามว่าทางเดินต่อไปของ กปปส.คืออะไร คำตอบคือทางตันของ กปปส. แต่มันคือทางเปิดของประเทศ

วันที่ 8 ธ.ค. อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว สส.ทั้งพรรคลาออก และอภิสิทธิ์บอกนายกรัฐมนตรีให้คืนอำนาจแก่ประชาชนและเรียกร้องยุบสภา เมื่อรัฐบาลทำแบบนี้แต่พรรคประชาธิปัตย์อาจบอยคอตเลือกตั้ง มันจะเกิดเหตุเปิดประชุมสภาไม่ได้เพราะ สส.ไม่ครบ และอาจเกิดเหตุผู้สมัคร สส.ได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์

เมื่อถามว่า มองว่าหลังจากนี้ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น รัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาควรจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดน่าจะเป็นอะไร นิธิ กล่าวว่า เรื่องการปฏิรูปประเทศแล้วคิดว่าถ้ารัฐบาลใหม่สามารถตั้งขึ้นได้ ไม่ถูกบอยคอตจากฝ่ายค้าน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าคิดถึงการเปิดให้สังคมเข้าไปมีส่วนในการออกกฎหมายมากขึ้น เช่น โยนกฎหมายที่เป็นตัวร่างให้สังคมได้ถกเถียงอย่างกว้างขวางกว่านี้ตั้งแต่ต้น กรรมาธิการที่จะพิจารณาวาระต่างๆ ก็ดึงคนนอกเข้าไปให้มากขึ้น

นิธิ กล่าวว่า การเมืองในอนาคตคือ หากเกิดกรณีที่มีรัฐบาลโดยไม่มีฝ่ายค้านเพราะการบอยคอตเลือกตั้ง มันคือรัฐบาลประชาธิปไตยแม้ไม่มีฝ่ายค้านแต่รัฐบาลอยู่ได้ หากไม่มีอำนาจนอกระบบแทรกแซง ปัญหาคือรัฐบาลข้างหน้าอาจสร้างฝ่ายค้านในสังคมขึ้นมา โดยเรียกประชุมกรรมาธิการนอกสภาได้คือนำคนนอกมาร่วมพิจารณากฎหมายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อถามว่า สังคมไทยกับนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 มีความเป็นไปได้หรือไม่ นิธิ กล่าวว่า “จริงๆ เรื่องนี้เกิดมาแล้วเมื่อปีตอน 2549 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชดำรัสชัดเจนว่า “มั่ว” ว่าเป็นการเสนอความเห็นที่มั่วนะครับ ผมก็ไม่ทราบว่านักวิชาการได้ฟังแล้วไม่เห็นด้วยกับท่านก็คัดค้านในทางวิชาการว่ามันไม่มั่วเพราะอะไร แต่ไม่ใช่เสนอซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่อย่างนี้”