รู้ทันภัยแก๊ง รับทำป้ายทะเบียนปลอมผ่านเน็ต

โดย...เอกชัย จั่นทอง

ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียแพร่อิทธิพลและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้นำช่องทางนี้มาประกอบอาชีพหรือหารายได้เสริม สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ อย่างกรณีล่าสุดมีคนกลุ่มหนึ่งเลือกประกอบสัมมาอาชีพบนโลกออนไลน์ในทางผิดกฎหมาย กระทั่งตำรวจชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล สามารถแกะรอยผ่านเว็บไซต์ www.blackm.com ที่ลงประกาศรับทำเอกสารเพื่อสวมทะเบียนรถยนต์ ทำเป็นขบวนการ และรับปลอมแปลงเอกสารทางราชการ ที่เกี่ยวข้องกับใบขับขี่ ทะเบียนรถ และเอกสารอื่นๆ

พ.ต.ท.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. เล่าว่า การรับสวมทะเบียนรถ รับจดทะเบียนรถ พ.ร.บ.ประกันภัย ใบขับขี่ ฯลฯ งานขนส่งทุกชนิด 100% พร้อมช่องทางติดต่อ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ ไลน์แชต วอทแอพ เสมือนกับเป็นช่องทางในการติดต่อ ในการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานขนส่งทางบก การกระทำดังกล่าวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายที่มีความผิดทางอาญา มีผู้คนในโลกออนไลน์เข้าไปใช้บริการกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเจ้าหน้าที่จับได้ว่าเป็นของปลอมก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มพวกที่อยู่ในแวดวงรถยนต์ทั้งนั้น ถามว่าหากไม่มีความต้องการหรือสั่งทำก็ไม่มีใครเขาทำหรอก แต่มันมีบรรดานายทุนกลุ่มใหญ่ค่อยชักใยอยู่เบื้องหลัง มิหนำซ้ำมันยังแบ่งการทำงานแบบเป็นขั้นตอน เรียกว่าหากลูกค้าต้องการอะไรมีหมด ทำให้ตลาดมืดพวกนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีการปราบปรามอย่างหนักก็ตาม”

รอง ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. เล่าต่อไปว่า การปลอมแปลงเอกสารทางราชการไม่ใช่เพียงกระทบต่อการทำผิดกฎหมายทางขนส่งทางบกเท่านั้น แต่ยังลุกลามไปถึงขบวนการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพราะกลุ่มพวกนี้จะสั่งทำเพื่อปลอมแปลงเอกสารหวังสวมทะเบียนรถ ทั้งป้ายวงกลม เลขเครื่องยนต์ สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ ทุกปีมีรถจำนวนไม่น้อยต้องถูกมิจฉาชีพโจรกรรมไป คงทิ้งไว้เพียงสมุดจดทะเบียนรถให้เจ้าของดูต่างหน้า กลับกันยังต้องเป็นหนี้สินจำนวนมาก และเมื่อรถถูกโจรกรรมชำแหละดัดแปลงสภาพ ขบวนการปลอมแปลงเอกสารจะเข้ามาข้องเกี่ยว ในการทำหน้าที่ออกเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับรถขึ้นมาใหม่ทั้งหมด นั่นหมายถึงการติดตามรถอาจยากยิ่งขึ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อปีส่งผลกระทบกว่า 1,480,000,000 บาท รวมถึงประชาชนที่ชอบใช้บริการนายหน้าบนโลกออนไลน์หรือประกาศรับทำเอกสาร ตามเว็บไซต์ ควรตรวจสอบด้วยเช่นกัน แม้จะทำโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม

“ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อขบวนการรับทำเอกสารผ่านออนไลน์ เพราะมีความเสี่ยงสูงในเรื่องของความถูกต้องของเอกสาร แม้จะมีการโฆษณาชวนเชื่อ หรือเสนอราคาทำที่ไม่แพงมาล่อตาล่อใจ สุดท้ายแล้วอาจต้องถูกตำรวจดำเนินคดีข้อหาใช้เอกสารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1–10 ปี”

ขณะที่นายอัฌษไธค์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ภายหลังจากกรมการขนส่งทางบกเดินหน้าปราบปรามแก๊งหน้าม้าหลอกลวงผู้มารับบริการงานทะเบียน ทั้งการทำใบขับขี่ และต่อทะเบียนรถ ล่าสุดขบวนการเหล่านี้ได้เปลี่ยนวิธีการ โดยได้เปิดเว็บไซต์เสนอขายบริการรับไปต่อทะเบียน ทำใบขับขี่ จัดหาป้ายทะเบียน ให้แก่ประชาชนที่สนใจ โดยคิดค่าบริการสูงถึงครั้งละ 4,000-6,000 บาท เรื่องดังกล่าวทำให้มีประชาชนตกเป็นเหยื่อ ทำให้เอกสารสำคัญที่ได้ทั้งใบขับขี่และทะเบียนเป็นเอกสารปลอม รวมทั้งมีการนำเอกสารปลอมแปลงเหล่านี้ไปขายให้ขบวนการที่ได้รถมาอย่างผิดกฎหมาย

“ขอเตือนประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการเหล่านี้ ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้มีการประสานงานกับ หน.ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อปราบปรามขบวนการหลอกลวงบริการงานทะเบียนรถยนต์ผ่านอินเทอร์เน็ตมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยปัจจุบันการให้บริการงานทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบก และขนส่งจังหวัดทุกที่ มีบริการที่สะดวกและรวดเร็ว และคิดค่าธรรมเนียมเป็นไปตามกฎหมาย”

หากไม่อยากเสียรู้โจรและไม่ต้องถูกจับจำคุก ควรต้องระมัดระวังตรวจสอบข้อมูลความน่าเชื่อถืออย่างถี่ถ้วนก่อน ไม่ใช่เพียงเห็นราคาถูกและสะดวกรวดเร็ว แต่กลับได้เอกสารปลอม แบบนี้มันน่าเจ็บใจนะครับ

จำนวนรถยนต์หาย ปี 2555

กองบัญชาการตำรวจนครบาล หาย 358 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 หาย 507 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 หาย 277 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 หาย 87 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 หาย 123 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 หาย 28 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6 หาย 131 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 หาย 205 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 หาย 97 คัน

กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 หาย 64 คัน

ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนใต้ หาย 7 คัน

ที่มาข้อมูล : ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปจร.ตร.)