แจ้งดำเนินคดีรง.อุตฯชุ่ยทิ้งสารพิษอันตราย
อุตสาหกรรมกาญจน์แจ้งความดำเนินคดีโรงงานแอบทิ้งสารพิษอันตรายบริเวณเชิงเขาตองท่าม่วง
อุตสาหกรรมกาญจน์แจ้งความดำเนินคดีโรงงานแอบทิ้งสารพิษอันตรายบริเวณเชิงเขาตองท่าม่วง
นายเดโช ประกาศแก่นทราย ปลัดอาวุโส อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย นายประสาท ฉัตรไชยรัชต์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม ชำนาญการพิเศษ และกลุ่มงานเฝ้าระวัง สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 8 ได้ลงพื้นบริเวณป่าเชิงเขาตอง หมู่ 6 บ้านหนองสองตอน ต.ท่าล้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจสอบสารพิษไม่ทราบชนิดที่มีผู้ลักลอบนำใส่ถุงบิ๊กแบ็ก และถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร จำนวนมากมาทิ้งรวมกัน 3 จุด ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นฉุนไปทั่วบริเวณ และยังทำให้หญ้า ต้นไม้ที่อยู่ตามเส้นทางน้ำไหลผ่านไหม้เกรียม ยืนต้นตายเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ได้มีการเก็บตัวอย่างของสารทั้งสองชนิดเพื่อตรวจหาว่าเป็นสารชนิดใด ซึ่งจากการตรวจสอบด้วยชุดตรวจสอบเบื้องต้น ผลปรากฏว่า จุดแรก สารที่บรรจุอยู่ในถังพลาสติกสีน้ำเงินขนาด 200 ลิตร จำนวนประมาณ 50 ถัง ที่ถูกกองทิ้งไว้รวมกัน โดยข้างถังระบุชื่อว่า มิตซูบิชิเรยอน ซึ่งตั้งอยู่ อ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ภายในถังบรรจุของข้น หนืด สีขาวขุ่นออกเหลือง พบว่า สารดังกล่าวเป็นเรซิน ที่เสื่อมสภาพแล้ว โดยมีการแยกชั้นเป็นของเหลวกับของแข็ง ซึ่งมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ที่ 2 คือ มีค่าเป็นกรดสูง มีฤทธิ์กัดกร่อน ดังนั้นไอระเหยจะมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ และหากสัมผัสโดนก็จะมีปฏิกิริยากับผิวหนังได้ ซึ่งสารดังกล่าวเป็นสารที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตโล่ ลักษณะใส หรือพลาสติกแข็ง ลักษณะใส
สำหรับจุดที่ 2 ซึ่งห่างจากจุดแรกไปประมาณ 2-3 กิโลเมตร ที่พบถุงบิ๊กแบ็กสีขาวน้ำหนักถุงละ 500 กิโลกรัม ประมาณ 80 ถุง ถูกทิ้งกระจัดกระจาย ภายในบรรจุฝุ่นสีเทาดำ ที่ถุงระบุชื่อว่า แตยังโพลีเทค ตั้งอยู่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ผลปรากฏว่า ของเสียดังกล่าวเป็นขี้ตะกรันจากเตาหลอมโลหะจำพวกอลูมิเนียม มีกลิ่นคล้ายแอมโมเนีย โดยจากการตรวจอย่างละเอียดยังพบสารแคดเมียม และโคเมียมด้วย ซึ่งถือเป็นสารอันตรายมาก ส่วนจุดที่3 เป็นของเสียประเภทน้ำมันที่ผ่านกระบวนการล้างเครื่องจักร ซึ่งถือเป็นของเสียชนิดหนึ่ง แต่ไม่เป็นอันตรายมาก
นายประสาท กล่าวว่า สารทั้ง 2 ชนิดเป็นสารจำพวกสารพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนและสัตว์ รวมทั้งสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม สำหรับวิธีการกำจัด สารเรซินจะต้องทำการขนย้ายออกไปกำจัดโดยวิธีการเผาที่มีการควบคุมมลพิษ และสารชนิดที่สองใช้วิธีการฝังกลบแบบนิรภัย ซึ่งจะมีบริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด(มหาชน) GENCO บริษัทเจนโก้ และบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่รับจ้างกำจัดของเสีย สามารถดำเนินการได้
นายเดโช กล่าวอีกว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำผ้าใบมาปิดคลุมเอาไว้ และจะดำเนินการทำร่องน้ำโดยรอบไว้ เพื่อจำกัดการแพร่กระจายของสารพิษ และป้องกันมิให้สารพิษดังกล่าวถูกน้ำฝนชะล้างและไหลไปตามเส้นทางน้ำได้ และเพื่อเป็นการป้องกันมิให้ฝุ่นละอองฝุ้งกระจายปลิวไปตามอากาศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจได้ ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ใช้สารทั้งสองชนิด ซึ่งคาดว่าสารที่นำมาทิ้งน่าจะมาจากโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากนอกพื้นที่ แล้วลักลอบนำมาทิ้งไว้
อย่างไรก็ตาม ทางอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรีได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าม่วง เพื่อดำเนินการสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยทางอุตสาหกรรมจะแจ้งไปยังกรมโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อมาขนย้ายกากของเสียไปกำจัด และเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ที่ลักลอบนำมาทิ้งต่อไป


