ชุดสืบสวนเชื่อคนมีสีทำระเบิดหน้าราม

นครบาล วิเคราะห์วิธีทำระเบิดน่าจะเป็นคนมีสี ชาวบ้านทำเองไม่ได้ เร่งสอบเชื่อมโยงปาประทัดไทยรัฐหรือไม่ มุ่งเหตุ2ปมทั้งการเมือง-ผู้ค้าขัดแย้ง

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยภายหลังประชุมชุดสืบสวนคดีระเบิดซ.รามคำแหง 43/1 ว่า ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นเรื่องภาคใต้ออกไป แม้ว่าจะมีอยู่น้อยนิดก็ตาม แต่กำลังพุ่งไปที่เรื่องขัดแย้งผลประโยชน์กัน และเรื่องมาเฟีย รวมถึงการเก็บค่าเช่าพื้นที่ขายของต่างๆ ที่มีทั้งหน่วยงานเทศกิจเก็บ และยังมีบุคคลเข้าไปเก็บด้วย ก็ต้องสืบให้ได้ว่าระเบิดครั้งนี้มีใครได้-เสียอย่างไร รวมถึงประเด็นที่ต้องการก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองด้วย

“ตำรวจจะสืบหมดทุกประเด็นที่อาจจะเกิดขึ้นได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ชัด และผมสั่งการให้ดูด้วยว่าคดีระเบิดที่รามคำแหงมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ปาประทัดที่หนังสือพิมพ์ไทยรัฐด้วยหรือไม่” ผบช.น. กล่าว

ด้านพล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผบช.น. กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้มีการนำคดีเก่ามาเปรียบเทียบ เพื่อวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของคนร้ายว่ามีความใกล้เคียงกันหรือไม่ การสืบสวนหาเบาะแสของคนร้ายและการสอบปากคำพยานก็ยังทำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็นำคดีเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นมาเทียบเคียง คาดว่าภายในวันนี้น่าจะรู้ผลว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไปเชื่อมโยงหรือเหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งก่อนๆ หรือไม่

ขณะที่พ.ต.อ.ชาญ แสงเสียงฟ้า รองผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนดูกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณที่เกิดเหตุแล้วประมาณ 10 ตัว แต่ยังไม่เห็นคนร้ายที่นำระเบิดมาวางไว้ เพียงแต่เห็นภาพคนที่เดินไปมาเท่านั้น ซึ่งยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นใคร

ด้านแหล่งข่าวชุดสืบสวนบก.น.4  กล่าวว่า จากการสืบสวนเชื่อได้ว่าระเบิดที่ประกอบขึ้นต้องมีคนมีสีจัดหาหรือทำขึ้นมา เพราะชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถประกอบได้เองแน่ แต่จากการตรวจสอบของชุดตรวจสอบวัตถุระเบิดพบว่าการประกอบแตกต่างจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในเรื่องของดินปืน อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิด และการจุดระเบิด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้

อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนได้มุ่งสืบสวนสาเหตุ 2 ประเด็นหลักคือ การกอ่ความวุ่นวายทางการเมือง โดยคนร้ายจำลองการประกอบระเบิดมาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวาย และความหวาดกลัวขึ้นภายในกรุงเทพฯ ขณะที่ประเด็นที่ 2 ให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัวของ เจ้าของ และผู้จัดการร้านเสริมสวยออกัส ซึ่งได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดมากที่สุดในบริเวณดังกล่าว โดยขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบประวัติและภูมิหลังของบุคคลทั้งสองว่าเคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อนหรือไม่