อดีตทนายพระวิหารยันไทยมีสิทธิไม่รับอำนาจศาลโลก

อดีตทนายคดีปราสาทเขาพระวิหารชี้ไทยมีสิทธิไม่รับอำนาจศาลโลก ด้าน กมธ.ตรวจสอบทุจริตวุฒิสภาเตรียมเข้าพบนายกฯเสนอแนวทางสู้คดี

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มี น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี เป็นประธาน ทั้งนี้มีการพิจารณาศึกษากรณีปราสาทพระวิหารและเป็นการรับฟังข้อเท็จจริงจาก ผู้ชำนาญก่อนส่งคำแนะนำไปยังรัฐบาล 

นายสมปอง สุจริตกุล ในฐานะอดีตทนายความผู้ประสานงานคดีปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า กรณีการจะปฏิเสธอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกนั้น ประเทศไทยสามารถทำได้ เนื่องจากคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชา ถือเป็นคดีเก่ามากว่า 50 ปีมาแล้ว ซึ่งศาลโลกไม่มีอำนาจที่จะมาทบทวนแล้วตีความใหม่อย่างสิ้นเชิง โดยหากศาลจะหยิบยกคดีนี้มาพิจาณาใหม่ จะต้องเป็นคดีใหม่เลย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ประเทศไทยยังไม่ได้มีการลงนามตามข้อตกลง ดังนั้นตนจึงอยากเสนอว่าในระหว่างที่รอเวลาการประการประกาศคำตัดสินของศาล โลกนั้น ประเทศไทยควรดำเนินการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เสียก่อน

นายสมปอง กล่าวว่า ผลคำตัดสินของศาลโลกออกมาไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ประเทศไทยสามารถที่จะไม่ยอมรับคำตัดสินนั้นได้ และจะไม่มีผลอะไรต่อประเทศไทยด้วย ยกตัวอย่างทางการสหรัฐฯเอง ก็ยังเคยไม่ยอมรับคำตัดสินจากศาลโลกเช่นกัน ซึ่งก็ยังไม่เห็นอีกว่าจะมีประเทศใดขัดแย้งเลย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เรายืนยันว่าจะปฏิเสธคำตัดสินศาล แต่ก็ไม่ควรแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับ อยากให้สงวนท่าทีไว้จะดีกว่า นอกจากนี้เมื่อถึงกำหนดการแถลงปิดด้วยวาจาช่วงเดือน เม.ย. แล้ว อยากให้คณะทำงานต่อสู้คดีของไทยได้พิจารณาด้วยว่า คณะผู้พิพากษาประกอบด้วยใครบ้าง ถ้าคิดว่าจะทำให้ไทยมีส่วนเสียเปรียบก็ควรประท้วงตามสิทธิ์เพื่อรักษาผล ประโยชน์ของประเทศนั่นเอง

ด้านน.ส.สุมล เสนอว่า จะทำหนังสือเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อนำข้อมูลจากการหารือของทางกมธ.ที่ตกผลึกแล้วไปมอบให้แก่นายกฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคณะทำงานต่อสู้คดีของไทย พร้อมกันนื้อยากเสนอให้นายสมปอง เข้าไปอยู่ในคณะทำงานด้วย เพราะถือเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมายระหว่าประเทศและทราบข้อมูลคดีปราสาทพระวิหาร เป็นอย่างดีมาโดยตลอด ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นพ้องรับทราบผลการประชุม และข้อเสนอในการเข้าพบนายกรัฐมนตรี