เปิดเส้นทางซ้อมระบายน้ำ5-7ก.ย.นี้
"รอยล"แจงเส้นทางซ้อมระบายน้ำ 5-7 ก.ย. ย้ำปลอดภัยไม่มีท่วม ยันพร้อมปิดประตูระบายน้ำทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
"รอยล"แจงเส้นทางซ้อมระบายน้ำ 5-7 ก.ย. ย้ำปลอดภัยไม่มีท่วม ยันพร้อมปิดประตูระบายน้ำทันทีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. ที่ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว รัฐบาลได้จัดการแถลงข่าวเพื่อเตรียมความพร้อมกรณีทดสอบ ประสิทธิภาพการระบายน้ำฝั่งตะวันออก และฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร (กทม.)
นายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร เปิดเผยว่า การทดลองดังกล่าว เป็นปลายทางการรวบรวมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อนำมาบริหารจัดการน้ำก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยหากใช้ข้อมูลและระบบเพื่อเตรียมรับมือล่าสุด กรุงเทพมหานคร จะมีเวลา 45 วัน ที่จะรู้ล่วงหน้า กรณีต้องเตรียมรับมือกับปริมาณน้ำหลากในลักษณะเดียวกับปีก่อน และการทดลองครั้งนี้ก็เพื่อทดสอบการพร่องน้ำออก ซึ่งถ้าหากบริหารจัดการน้ำในลักษณะนี้สำเร็จ โอกาสที่เกิดน้ำท่วมใหญ่อย่างปีที่ผ่านมาจะลดน้อยลงมาก โดยจะทดสอบระหว่างเวลา 14.00 -18.00 วันที่ 5 และวันที่ 7 ก.ย.
โดยในส่วนของฝั่งตะวันตกนั้น นายรอยลกล่าวว่า จะเป็นการลำเลียงน้ำด้านเหนือ โดยรับน้ำเข้าคลองทวีวัฒนา ที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ก่อนที่จะหยุดการเดินเครื่องสูบน้ำและปิดประตูระบายน้ำที่สถานีสูบน้ำคลองบางกอกใหญ่ และประตูระบายน้ำคลองมอญ เพื่อเป็นการควบคุมน้ำให้อยู่ในระบบ ก่อนจะเดินระบบผลักดันน้ำของสำนักการระบายน้ำ ที่ติดตั้งในช่วงปลายคลองบริเวณถนน เพชรเกษม 69 ปากคลองทวีวัฒนา ใต้สะพานข้ามคลองภาษีเจริญ ใต้สะพานถนนเพชรเกษม และหน้าสถานีตำรวจนครบาลศาลาแดง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
หลังจากนั้น จะเดินระบบผลักดันน้ำของกองทัพเรือ เพื่อค่อย ๆ เพิ่มอัตราการระบายน้ำของคลองทวีวัฒนาฝั่งเหนือสะพานถนนเพชรเกษมว่ามีระดับเพิ่มอย่างไร อีก 1 ชม. ก่อนจะทดลองเปิดประตูระบายน้ำที่คลองทวีวัฒนาเพิ่ม ว่าจะสามารถปล่อยน้ำได้อีกกี่ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยไม่ให้น้ำล้นตลิ่ง ในอัตราสูงสุด 7 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งหากมีฝนตกระหว่างการทดลองหรือมีน้ำล้นตลิ่งนั้น จะหยุดการเดินเครื่องได้ภายใน 5 นาที รวมถึงจะเปิดการระบายน้ำที่คลองบางกอกใหญ่ และคลองมอญเพื่อช่วยระบายทางแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีนด้วย
ทั้งนี้ระยะเวลาจากประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา จนถึงบริเวณถนนเพชรเกษม 69 จะใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง 30นาที
ส่วนเส้นทางการระบายน้ำเพิ่มเติมผ่านระบบคลองพระยาราชมนตรีนั้น จะเดินเครื่องสูบน้ำที่สถานีคลองพระยาราชมนตรีให้เต็มศักยภาพ ก่อนจะเดินเครื่องผลักดันน้ำที่ใต้สะพานถนนเพชรเกษม และใต้สะพาน ถนนพระราม 2 เพื่อเร่งส่งน้ำจากคลองทวีวัฒนา ไปยังสถานีสูบน้ำคลองพระยาราชมนตรี โดยหากมีฝนตกขณะทดสอบการระบายน้ำ ให้เดินเครื่องสูบน้ำสถานีสูบน้ำคลองบางกอกใหญ่ และสถานีสูบน้ำคลองมอญ โดยทั้ง 2 จุดนี้จะเริ่มต้นทดสอบเวลา 14.00 และจะสิ้นสุดการทดสอบเวลา 18.00 น. โดยทั้งหมดจะเหลือระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 30 เซนติเมตร
สำหรับการระบายน้ำด้านตะวันออกในวันที่ 7 ก.ย.นั้น จะเริ่มต้นจากการนำน้ำจากคลองรังสิตเข้าสู่คลองหกวาสายล่าง และทำการเปิดประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้เพื่อรับน้ำเข้าคลองลาดพร้าว และเดินเครื่องสูบน้ำที่อุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ 3 เครื่อง เพื่อลดระดับน้ำในคลองลาดพร้าวตอนปลายก่อนถึงอุโมงค์ และบันทึกอัตราการลดลงของระดับน้ำ พร้อมทั้งเดินระบบผลักดันน้ำที่ติดตั้งในคลองลาดพร้าว 3 จุด ได้แก่ หน้าประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว ใต้ถนนเกษตร-นวมินทร์ และหลังรพ.ภูมิพล รวมถึงบันทึกอัตราการลดลงของระดับน้ำที่คลองลาดพร้าวตอนปลายก่อนถึงอุโมงค์
หลังจากนั้นจะเดินระบบผลักดันน้ำของกองทัพเรือ ที่ติดตั้งหน้าประตูระบายน้ำคลองลาดพร้าว เพื่อเพิ่มอัตราการระบายน้ำ โดยค่อย ๆ เปิดทีละเครื่อง เพื่อตรวจสอบว่าคลองลาดพร้าว ตั้งแต่ผ่านหน้าประตูระบายน้ำมีระดับน้ำเพิ่มอย่างไร โดยจะปล่อยน้ำในอัตรา 3 ลบ.ม.ต่อวินาที และจะหยุดการทดสอบทันทีหลังเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อมเปิดประตูระบายน้ำอื่นช่วยระบายน้ำภายใน 5 นาทีเช่นเดียวกัน ทั้งนี้การทดสอบไม่ได้มุ่งหวังในเรื่องปริมาณน้ำว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าใด แต่จะเน้นเรื่องการวัดประสิทธิภาพการผลักดันน้ำในพื้นที่คอขวด หรือพื้นที่ที่มีปัญหา เพื่อช่วยระบายน้ำลงอ่าวไทยมากกว่า
ขณะที่นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า การระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เพื่อทดสอบการระบายน้ำ จะไม่กระทบต่อปริมาณน้ำในแต่ละเขื่อนที่กำลังขาดแคลน เนื่องจากด้วยภารกิจแต่ละวัน เขื่อนจำเป็นต้องปล่อยน้ำอยู่แล้ว เพื่ออุปโภคบริโภค เพื่อรักษาระบบนิเวศ และเพื่อดันน้ำเค็ม ซึ่งการทดสอบครั้งนี้ ใช้เกณฑ์การระบายน้ำตามปกติ โดยการทดสอบฝั่งตะวันตก จะเตรียมน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ที่ระดับ +0.8-0.9 ม. เหนือน้ำทะเลปานกลาง ในการนำน้ำเข้าคลองมหาสวัสดิ์ และแม่น้ำท่าจีน
ส่วนฝั่งตะวันออก จะนำน้ำเข้ามาทางคลองหกวา เพื่อนำน้ำทดสอบทางตะวันออก โดยไม่ต้องระบายเพิ่ม ซึ่งกรมชลประทานจะเตรียมน้ำไว้ทีหน้าประตูระบายน้ำคลองสอง ที่ระดับ +1.5 ม. เหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง
ด้านนายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่ากทม. กล่าวว่า กทม.ได้ตรวจสอบความพร้อมการดำเนินงานเรียบร้อยหมดทุกจุดแล้ว และเชื่อมั่นว่าจะทดสอบระบบดังกล่าวได้ โดยกทม.ได้ให้สำนักระบายน้ำตรวจสอบระดับน้ำตลอดเวลา และประสานข้อมูลกับทีมงานของนายรอยลอย่างต่อเนื่อง และจะมีอากาศยานไร้คนขับ (ยูเอวี) จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จะทำการทดสอบและประเมินผลร่วมกันโดยละเอียดด้วย ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมเว็บไซต์ขึ้นมาชื่อว่า http://www.bkkfloodwatch.com เพื่อตรวจสอบระดับน้ำในจุดต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ตามเวลาจริง


