posttoday

อียิปต์:บทเรียนที่ไทยควรรู้

20 สิงหาคม 2555

ประเทศอียิปต์เป็นประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อว่า “ไคโร” และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกาเหนือ

โดย...รวิภาส กล่ำทวี

ประเทศอียิปต์เป็นประเทศที่มีเมืองหลวงชื่อว่า “ไคโร” และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกาเหนือ มีขนาดพื้นที่เท่ากับพื้นที่ประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศสรวมกัน มีประชากรประมาณ 78 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมนิกายสุหนี่นับถือศาสนาอิสลาม ตามประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองและมีอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดในโลก

อียิปต์ถือว่าเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นชาติมาหลายพันปีก่อนคริสตกาล เคยมีการปกครองในระบบราชวงศ์มาหลายราชวงศ์จนราชวงศ์สุดท้ายถูกล้มล้างโดยชนเผ่าเปอร์เซียก่อนจะถูกปกครองต่อโดยกรีก โรมันและไบแซนไทน์ ความเป็นชาติมุสลิมเพิ่งจะเกิดขึ้นในสมัยประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 7 โดยชาวอาหรับที่เข้ามาปกครองประเทศ ยิ่งกว่านั้นอียิปต์เคยถูกปกครองโดยอังกฤษในปี 1882 หลังจากที่ประเทศมีการขุดคลองสุเอซสำเร็จในปี 1869 อียิปต์สามารถล้มล้างรัฐบาลที่หนุนหลังโดยอังกฤษได้สำเร็จและประกาศตัวเป็นเอกราชจากอังกฤษได้ในปี 1952

อียิปต์:บทเรียนที่ไทยควรรู้

 

ประเทศอียิปต์กลายเป็นข่าวใหญ่โตอีกครั้ง ล่าสุดเมื่อต้นปีที่แล้ว (เดือน ก.พ. 2011) เมื่อประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัก ที่ผูกขาดการครองอำนาจมานานเกือบ 30 ปี ถูกขับไล่ลงจากอำนาจโดยผลพวงของการ “ปฏิวัติดอกมะลิ” ที่ระบาดไปทั่วทวีปแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางจนถึงปัจจุบันที่ยังคงความรุนแรงอยู่เช่นในประเทศซีเรีย

จากรายงานผลการวิจัยของนักวิชาการสองท่านจากมหาวิทยาลัยเอ็มไอทีและฮาร์เวิร์ด (Daron Acemoglu and James A. Robinson) ในหนังสือชื่อว่า “Why Nations Fail” พบว่าต้นเหตุรากเหง้าของการปฏิวัติภาคประชาชนในอียิปต์ไม่ใช่เกิดจากปัญหาด้านภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม อุปนิสัยใจคอของชนมุสลิมหรือไม่ใช่แม้กระทั่งจากความไม่รู้ของผู้นำประเทศว่าจะใช้นโยบายใดในการพัฒนาประเทศ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ปัญหาด้านความยากจน ความเหลื่อมล้ำ ต่ำสูงระหว่างคนรวยที่มีเป็นจำนวนน้อยกับคนจนที่มีเป็นจำนวนมาก การคอร์รัปชัน และการกอบโกยผลประโยชน์เข้าสู่คนกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นพวกพ้องของผู้นำทางการเมือง

สิ่งที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ ขณะที่อดีตประธานาธิบดีมูบารักสะสมทรัพย์สินเงินทองไว้เป็นของตนเองจำนวนมากมายก่ายกองถึงกว่า 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ประชากรของอียิปต์ประมาณ 20% ในปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ถือว่า “ยากจนสุดขีด” เมื่อเปรียบเทียบกับประชากรในสหรัฐ สรุปง่ายๆ ก็คือ ปัญหาด้านการเมืองที่สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและพวกพ้องบนความทุกข์ยากของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ หรืออาจจะเรียกได้ว่า “การเมืองแบบผูกขาดนำเศรษฐกิจของชาติดิ่งเหว”

นอกจากนี้แล้ว ศาสตราจารย์ทั้งสองท่านได้กล่าวถึงการปฏิวัติในประเทศอังกฤษในปี 1688 ซึ่งนำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ของโลกและนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าในยุโรปและทั่วโลกว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนที่สุด โดยข้อเท็จจริงแล้วการเปลี่ยนแปลงในอียิปต์ก็เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในประวัติศาสตร์ความเป็นชาติแต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจริงๆ แล้วยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงหรือกล่าวง่ายๆ ก็คือ อำนาจทางการเมืองยังอยู่ในมือของคนกลุ่มน้อยกลุ่มเดิมๆ

อียิปต์เป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่ประเทศไทยสามารถนำมาสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศได้เป็นอย่างดีและเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการเมืองกับเศรษฐกิจซึ่งไม่สามารถแยกออกจากกันได้...

 

ข่าวล่าสุด

4 หน่วยงานลุย "สะพานสมุย" พ่วงน้ำ-ไฟ-เน็ต แก้ปัญหาระยะยาว