พระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส (ตอน 1)
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านพวงศ์ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส หรือพระองค์เจ้าชายนพวงศ์ วรองค์อรรคมหามกุฎ ปรมุตมราโช
โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านพวงศ์ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส หรือพระองค์เจ้าชายนพวงศ์ วรองค์อรรคมหามกุฎ ปรมุตมราโช
รส พระนามเดิม พระองค์เจ้านพวงศ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาน้อย ธิดาของพระ
อินทรอำไพ (สมเด็จเจ้าฟ้าทัศไภย พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี กับกรมหลวงบริจาภักดี ศรีสุดารักษ์) ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน
4 แรม 10 ค่ำ ปีมะเมียจัตวาศก จ.ศ. 1184 (6 มี.ค. 2365) พระองค์เจ้านพวงศ์ทรงเป็นพระโอรส 1 ใน 2 พระองค์ที่ประสูติก่อนที่พระบาท
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ส่วนอีกพระองค์หนึ่ง คือ พระองค์เจ้าสุประดิษฐ์ กรมหมื่นวิษณุนาถนิ
ภาธร พระอนุชาร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกัน และทรงเป็นต้นราชสกุลสุประดิษฐ์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกรมหมื่นมเหศวรศิวลาส กำกับดูแลกรม
ล้อมพระราชวัง ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้กำกับราชการกรมพระคลังมหาสมบัติเพิ่มอีกตำแหน่ง
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านพวงศ์ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส สิ้นพระชนม์เมื่อวันศุกร์ เดือน 8 แรม 3 ค่ำ ปีเถาะนพศก จ.ศ.
1229 (19 ก.ค. 2410) พระชันษา 46 ปี ทรงเป็นต้นราชสกุลนพวงศ์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้านพวงศ์ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ทรงมีพระนัดดาที่มีชื่อเสียงและทำคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ให้กับสังคม
ไทย คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (หม่อมราชวงศ์ ชื่น นพวงศ์)
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ มีพระนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์ชื่น นพวงศ์ เป็นโอรสในหม่อมเจ้าถนอม นพวงศ์ และหม่อม
เอม (สกุลเดิม คชเสนี) ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 2415 ภายในวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส ส่วนหม่อมเอมพระ
ชนนีนั้น เป็นธิดาพระยาดำรงค์ราชพลขันธ์ (จุ้ย) ซึ่งเป็นบุตรเจ้าพระยามหาโยธา (ทอเรียะ) ผู้เป็นบุตรของเจ้าพระยามหาโยธานราธิบดีศรี
พิชัยณรงค์ (พญาเจ่ง) ต้นสกุลคชเสนี พระองค์ประสูติในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระราชนัดดาใน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นพระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาได้ถวายตัวเป็นมหาด
เล็กในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร โดยทำหน้าที่เป็น คะเดท ทหารม้าในกรมทหารมหาดเล็กราช
วัลลภ มีหน้าที่ตามเสด็จรักษาพระองค์
พระองค์บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้ทรงศึกษาพระปริยัติธรรมกับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ
วโรรส ได้ทรงเข้าสอบไล่ครั้งแรกเมื่อปี 2433 ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สอบไล่ได้เปรียญ 5 ประโยค ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร ทรงอุปสมบทที่
วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปี 2435 สอบได้เปรียญ 7 ประโยค เมื่อปี 2437 ได้รับโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็นพระราชาคณะที่พระสุคุณคณาภรณ์
พระองค์ได้มีส่วนร่วมกับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มาตั้งแต่ต้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า
อยู่หัว มีพระราชประสงค์จะบำรุงการศึกษามณฑลหัวเมือง ทรงอาราธนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้าให้ทรงเป็นผู้อำนวยการจัดการศึกษา มี
การจัดพิมพ์แบบเรียนต่างๆ พระราชทานแก่พระภิกษุสงฆ์ไปไว้ใช้ฝึกสอน ให้ยกโรงเรียนพุทธศาสนิกชนในหัวเมืองทั้งปวงมารวมขึ้นอยู่ใน
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า เพื่อจะได้เป็นหมวดเดียวกัน พระองค์ขณะที่ดำรงสมณศักดิ์พระสุคุณคุณาภรณ์ ได้เป็นผู้อำนวยการศึกษามณฑล
จันทบุรี ต่อมาเมื่อปี 2455 ได้มีการออกพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 อันเป็นผลเนื่องมาจากการจัดการพระศาสนาและ
การศึกษาในหัวเมือง พระองค์ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะมณฑลจันทบุรี
ปี 2446 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เสมอพระราชาคณะชั้นเทพที่พระญาณวราภรณ์
ปี 2455 ได้เลื่อนสมณศักดิ์เสมอพระราชาคณะชั้นธรรมในพระราชทินนามเดิม สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์
ปี 2464 ได้รับสถาปนาสมณศักดิ์เสมอพระราชาคณะชั้นธรรมพิเศษในพระราชทินนามเดิม
ปี 2467 ได้เป็นเจ้าคณะมณฑลอยุธยา
ปี 2471 โปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะในพระราชทินนามพิเศษ
ปี 2476 ทรงเป็นประธานมหาเถรสมาคม บัญชาการคณะสงฆ์แทนองค์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
ปี 2485 ทรงเป็นประธานคณะวินัยธรตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2484
พระองค์ทรงเป็นแม่กองสอบไล่พระปริยัติธรรมหลายครั้ง ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด เมื่อสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง
ชินวรสิริวัฒน์ชราและอาพาธ ก็ได้ทรงมอบหน้าที่เจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ให้ทรงบัญชาการแทนเมื่อปี 2477 และเมื่อสมเด็จพระสังฆ
ราชเจ้าฯ สิ้นพระชนม์เมื่อปี 2480 พระองค์ก็ได้ทรงเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุตสืบต่อมาและให้ทรงจัดการปกครองคณะธรรมยุตที่สำคัญหลายประการ
ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพติสฺสเทโว) พระองค์ได้รับการสถาปนาสมณศักดิ์
ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2488 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2499
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม ในที่สมเด็จ
พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ฯ สกลมหาสังฆปริณายก
เมื่อทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าแล้ว ได้ทรงปรับปรุงการปกครองคณะสงฆ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยจัดการปกครองคณะสงฆ์ทั้งสองนิกาย คือ
มหานิกาย และธรรมยุติกนิกาย เมื่อปี 2494 โดยให้การปกครองส่วนกลาง คณะสังฆมนตรีคงบริหารรวมกัน แต่การปกครองบังคับบัญชาให้
เป็นไปตามนิกาย และการปกครองส่วนภูมิภาคให้แยกตามนิกาย
พระองค์ทรงเป็นพระราชอุปัชฌาจารย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จออกทรงผนวชเมื่อปี 2499 และในงานฉลอง
พุทธศตวรรษในประเทศไทย รัฐบาลสหภาพพม่าได้ถวายสมณศักดิ์สูงสุดของพม่าคือ อภิธชมหารัฏฐคุรุ แด่พระองค์เมื่อปี 2500
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นผู้ถวายพระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ซึ่งประสูติ ณ วันจันทร์ที่ 28 ก.ค. 2495 ถวาย
พระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา ซึ่งประสูติ ณ วันเสาร์ที่ 2 เม.ย. 2498 ถวายพระนาม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ
เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ซึ่งประสูติ ณ วันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ค. 2500 ถวายพระนาม พระพุทธนาราวันตบพิตร ที่ได้ทรงสถาปนาและ
โปรดเกล้าฯ ให้นำมาเมื่อเสด็จฯ ถวายพุ่ม วันที่ 12 ก.ค. 2500 เพื่อประดิษฐานไว้ ณ พระปั้นหยา อันเป็นที่เสด็จประทับบำเพ็ญสมณ
ปฏิบัติในระหว่างทรงผนวชของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ได้ประชวรกระเสาะกระแสะ พระวรกายทรุดโทรมเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2492 อาศัยที่ได้ถวายการรักษาพยาบาลและประคับประคองเป็นอย่างดีอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับมีพระหฤทัยเข้มแข็งปล่อยวาง จึงทรงดำรงพระชนม์มาได้โดยลำดับ จนถึงเดือน ก.ค. 2501 จึงปรากฏพระอาการประชวรมาก มีพระโลหิตออกกับบังคลหนัก ต้องรีบนำเสด็จสู่ตึกสามัคคีพยาบาล โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต่อมาในเดือน ก.ย. 2501 เริ่มปรากฏพระอาการเป็นอัมพาต แพทย์สันนิษฐานว่าเส้นพระโลหิตในสมองตีบตัน แต่ต่อมาพระอาการค่อยดีขึ้นบ้าง แล้วก็กลับทรุด ครั้นถึงเวลาหลังเที่ยงคืนของวันที่ 10 พ.ย. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จประทับหน้าพระแท่นบรรทมในห้องประชวร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ได้สิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 01.08 น. มีพระชนมายุ 85 พรรษา 11 เดือน 15 วัน
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงประกอบพระกรณียกิจทางด้านการพระศาสนาอย่างมากมาย โดยเฉพาะการฟื้นฟูและปรับปรุงกิจการของมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้ทรงจัดตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบรรพชิตเป็นผู้ปฏิบัติงานอำนวยการต่างๆ เกี่ยวกับธุรการทั่วไปบ้าง เผยแผ่ปริยัติธรรมบ้างตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ ปรับปรุงเจ้าหน้าที่คฤหัสถ์ วางระเบียบต่างๆ ให้เหมาะสมและตราสารมูลนิธิ ซึ่งได้จดทะเบียนครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2476 ในสมัยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า (วัดราชบพิธ) ทรงเป็นนายกกรรมการ ได้จดทะเบียนแก้ไขอีกหลายคราว เมื่อปี 2493 ได้บัญญัติประมวลระเบียบบริหารมูลนิธิตามความในตราสาร สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ได้ทรงแสดงประสงค์ให้คฤหัสถ์เป็นผู้จัดการในเรื่องทรัพย์สินของมูลนิธิให้พระเป็นแต่ผู้ควบคุมเท่านั้น ตามควรแก่กรณี
ในด้านการบำรุงและอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม ได้วางระเบียบบำรุงการศึกษา อบรม แก่สำนักเรียนต่างๆ รับอบรมนักเรียน ครู นักเรียนปกครอง ที่ส่งเข้ามาจากจังหวัดนั้นๆ ส่งครูออกไปสอนในสำนักเรียนที่ขาดครูบ้าง บำรุงสำนักเรียนต่างๆ ด้วยทุนและหนังสือตามสมควร กำหนดให้รางวัลเป็นการส่งเสริมสำนักเรียนที่จัดการศึกษาได้ผลดี
จัดตั้งหอสมุดมหามกุฏฯ (ตามคำสั่งวันที่ 29 ธ.ค. 2488) ตั้งสภาการศึกษามหามกุฏฯ เป็นรูปมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา (ตามคำสั่งวันที่ 30 ธ.ค. 2488) เปิดเรียนเป็นปฐมเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2489
ในด้านการเผยแพร่ ฟื้นฟูการออกหนังสือนิตยสารธรรมจักษุรายเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2476 จัดตั้งโรงเรียนพิมพ์มหามกุฏฯ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 2478 จัดพิมพ์คัมภีร์พระธรรมเทศนาใช้กระดาษแทนใบลานเมื่อปี 2482 บัดนี้เรียกว่า“มหามกุฏเทศนา”จัดส่งพระไปทำการเผยแผ่ในส่วนภูมิภาคตามโอกาส
ในด้านต่างประเทศ ได้จัดส่งพระไปจำพรรษาที่ปีนัง ในความอุปถัมภ์ของ ญาโณทัย พุทธศาสนิกสมาคม เมื่อปี 2481-2482 ได้ส่งพระไปร่วมสมโภชฉลองพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุของพระสารีบุตรเถระ ตามคำเชิญของกัมพูชาเมื่อปี 2495 ได้ให้อุปการะส่วนหนึ่งแก่พระที่เดินทางไปสังเกตการพระศาสนา และการศึกษาในประเทศอินเดียและลังกา เมื่อปี 2498
ทรงมีผลงานพระนิพนธ์ตั้งแต่ปี 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ชำระพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ แล้วโปรดให้จัดพิมพ์ด้วยพระราชประสงค์ที่จะทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ทรงพระราชอุทิศพระกุศลถวาย สนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ได้ทรงชำระ 2 เล่ม
ทรงชำระอรรถกถาชาดก ที่สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า โปรดให้ชำระพิมพ์ในโอกาสที่มีพระชนมายุ 60 พรรษาบริบูรณ์ รวม 10 ภาค
ส่วนหนังสือทรงรจนา หรือที่บันทึกจากพระดำรัสด้วยมุขปาฐะ เป็นต้นว่า ศาสนาโดยประสงค์ พระโอวาทธรรมบรรยาย 2 เล่ม
ตายเกิด ตายสูญ ทีฆาวุคำฉันท์ ทศพิธราชธรรม พร้อมทั้งเทวดาทิสนอนุโมทนากถา และสังคหวัตถุ จักวรรดิวัตร และขัตติยพละ ถวายในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ให้งานฉลองพระสุพรรณบัฏ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ปี 2493
พุทธศาสนาคติ คณะธรรมยุต พิมพ์ในงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ปี 2500 บทความต่างๆ รวมพิมพ์เป็นเล่มตั้งชื่อว่า“ความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาตั้งแต่เบื้องต้น”(พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา ปี 2501)
พระธรามเทศนา ทศพิธราชธรรม ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลปัจจุบัน พระธรรมเทศนาศราทธพรต ในคราวถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระโอวาทในโอกาสต่างๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชเจ้าด้วย
พระธรรมเทศนา“วชิรญาณวงศ์เทศนา”รวม 55 กัณฑ์ คณะธรรมยุตพิมพ์เป็นเล่มมหามกุฏฯ พิมพ์เป็นคัมภีร์“มหามกุฏเทศนา”ในคราวพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เช่นกัน หลังจากที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สิ้นพระชนม์แล้ว ปัจจุบันนี้ทายาทแห่งราชสกุลนพวงศ์ ที่เป็นปราชญ์ราชบัณฑิตซึ่งคนไทยรู้จักดี คือ ศ.ม.ล.จิรายุ นพวงศ์
อ่านต่อสัปดาห์หน้า


