posttoday

รวมพลคนสภา รำลึกปิดฉาก 44 ปีอู่ทองใน

26 ธันวาคม 2561

การเมืองไทยกำลังเตรียมบันทึกประวัติศาสตร์อีกหนึ่งบท ภายหลังอาคารรัฐสภากำลังจะปิดตัวลงอย่างเป็นทางการ

โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

การเมืองไทยกำลังเตรียมบันทึกประวัติศาสตร์อีกหนึ่งบท ภายหลังอาคารรัฐสภาที่ตั้งอยู่ที่ถนนอู่ทองใน เขตดุสิต กำลังจะปิดตัวลงอย่างทางการในสิ้นปี 2561 โดยวันที่ 26 ธ.ค.จะมีการจัดกิจกรรม "Big Cleaning สภาครั้งใหญ่" เชิญสมาชิก สนช. ผู้ปฏิบัติงาน สื่อมวลชน ร่วมกิจกรรม เพื่อเป็นการรวมพลังคนสภาทุกกลุ่มเป็นครั้งประวัติศาสตร์และเป็นครั้งสุดท้ายของสภาแห่งนี้ก่อนส่งมอบให้สำนักพระราชวังในปี 2562

รัฐสภาแห่งนี้เปิดใช้งานตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2517 ถ้านับถึงเวลานี้ก็มีเวลาถึง 44 ปี จากเดิมที่ใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นสถานที่ประชุมตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475

ถ้าเปรียบอาคารรัฐสภาเป็นคนธรรมดาแล้ว คนคนหนึ่งในวัย 44 ปี เรียกได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ถ้ามองย้อนกลับไปก็เป็นเช่นนั้นอย่างแท้จริง

เหตุการณ์สำคัญของประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นที่อาคารรัฐสภาแทบทั้งสิ้น การยุบสภาผู้แทนราษฎรทั้งน้ำตาของพรรคชาติไทย การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่นำมาสู่การยุบสภาหลายครั้ง การเกิดปรากฏการณ์งูเห่าของ สส.พรรคพลังประชาชนที่ ไปสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล การเสียบบัตรลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญแทนกัน หรือ การเร่งอนุมัติร่างกฎหมายนิรโทษกรรมกันตอนตีสี่ หน้าประวัติศาสตร์เหล่านี้ต่างอุบัติขึ้นที่ถนนอู่ทองในทั้งนั้น

มาวันนี้อาคารรัฐสภาหลังปัจจุบันกำลังจะปิดตัว และเตรียมย้ายไปอยู่สถานที่แห่งใหม่ ย่านเกียกกายที่จะสร้างเสร็จในเดือน มิ.ย. 2562

สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เล่าความ ในใจว่า เป็น สส.ครั้งแรกและทำงานที่อาคารรัฐสภาที่ถนนอู่ทองในมาตั้งแต่เมื่อปี 2529 เรียกว่าเป็นสถานที่ทำงานการเมืองที่ได้มีโอกาสทำงานและพบเห็นอะไรมากมาย ล้วนแต่เป็นความทรงจำที่ดี ตลอดที่ทำงานที่สภามา ยอมรับว่าสถานที่ค่อนข้างคับแคบพอสมควร

"เหตุการณ์สำคัญที่ตัวเองไม่มีวันลืม คือ การที่กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงมาชุมนุมล้อมอาคารรัฐสภา ครั้งหนึ่งผมและท่านบรรหาร ศิลปอาชา ต้องข้ามกำแพงรัฐสภาออกมาเพื่อหลบกลุ่มผู้ชุมนุม หรืออีกครั้งก็ได้อาศัยรถพยาบาลออกมาพร้อมกับบุตรชาย"

 "ในแง่ของสถานที่ โดยเฉพาะห้องประชุมใหญ่รัฐสภาเป็นสถานที่ที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก เพราะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงขนาดใหญ่ประดับอยู่ ซึ่งจะเป็นเครื่องเตือนใจสมาชิกรัฐสภาทุกคนต้องทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญให้สมกับเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย"

สมศักดิ์ ยอมรับว่า มีหลายคนอาจ มองว่ารัฐสภาอาจจะไม่ได้แก้ไขปัญหากับประเทศได้มากนัก แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่งจะพบว่ารัฐสภาได้มีส่วนในการแก้ไขปัญหาของประเทศหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ระบบของรัฐสภา แต่เป็นเรื่องของคนที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประชาชน"

 "สมัยผมเป็น สส. ผมได้เห็นความงดงามของการทำงานในสภาหลายครั้ง เช่น การอภิปรายโต้เถียงกันในห้องประชุมสภากันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่พอออกมานอกห้องประชุมก็ยังสามารถ

มานั่งกินกาแฟเพื่อหารือเรื่องบ้านเมืองกันได้ แต่ระยะหลังมานี้ไม่ใช่อย่างนั้น มีแต่การผูกใจเจ็บและบานปลายจนเกิดความขัดแย้ง ดังนั้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบรรยากาศการทำงานร่วมกันที่ดีจะกลับมาอีกครั้ง"

เช่นเดียวกับ วิสุทธิ์ ไชยณรุณ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ครั้งหนึ่งได้ตำแหน่งดาวเด่นจากสื่อมวลชนประจำรัฐสภา เนื่องจากปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมากับ สส.ทุกคน แม้แต่ สส.ในพรรคเดียวกันเอง ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ไม่น้อยเหมือนกัน

"ผมเป็น สส.ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2544 แต่ก่อนจะมาเป็น สส.ก็มีความผูกพันกับอาคารรัฐสภา เพราะเวลานั้นก็ได้นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่มายื่นต่อสมาชิกรัฐสภาและ ผลักดันได้สำเร็จหลายเรื่อง เช่น โฉนดที่ดิน ปัญหาที่ดินทำกิน จึงเห็นว่ารัฐสภาสามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ จากนี้ไปผู้แทนราษฎรจะต้องร่วมกันทำให้สภากลับมามีความน่าเชื่อถือและเป็นที่พึ่งของประชาชนอีกครั้ง" อดีตดาวเด่นประจำสภา ตั้งความหวัง