posttoday

"เลือกข้างไปเลย อยากเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ" เปิดใจ "วัน อยู่บำรุง"

23 ธันวาคม 2561

"วัน อยู่บำรุง"กับเส้นทางการเมืองในการเลือกตั้งปี62 เขายืนยันว่าแม้จะมีเรื่องราวในอดีต แต่วันนี้ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพร้อมเข้าสู่ถนนการเมืองอีกครั้ง

"วัน อยู่บำรุง"กับเส้นทางการเมืองในการเลือกตั้งปี62 เขายืนยันว่าแม้จะมีเรื่องราวในอดีต แต่วันนี้ได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพร้อมเข้าสู่ถนนการเมืองอีกครั้ง

*********************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงเข้มข้นขึ้นทุกขณะ เพราะใกล้ถึงเวลาเลือกตั้ง แต่ละพรรคต่างเริ่มงัดนโยบายออกมาประชันกัน เช่นเดียวกับว่าที่ผู้สมัคร สส.ที่ต่างขยับเริ่มลงพื้นที่เพื่อหวังให้ได้เข้ามาในสภา สำหรับ “วัน อยู่บำรุง” ว่าที่ผู้สมัคร สส.กทม.พรรคเพื่อไทย ลูกชาย “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” แกนนำพรรคเพื่อไทย แม้จะมีเรื่องราวในอดีตมากมาย แต่เจ้าตัวก็ยังมั่นใจว่าจะได้รับโอกาสจากประชาชน

วัน เปิดใจผ่าน “โพสต์ทูเดย์” ถึงประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นพร้อมยอมรับว่า “แม้ผมไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เคยถูกกล่าวหามาในอดีต ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่รักพรรคพวก รักเพื่อนพ้องน้องพี่ ผมยอมเจ็บปวดกับคนที่ผมรัก ผมอาจผิดพลาด บกพร่อง จากเรื่องราวในอดีต แต่ทุกวันนี้ผมปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแล้ว

ก็หวังว่าวันหนึ่งสังคมไทยจะให้โอกาสผม และด้วยผลงาน 7-8 ปีที่ผ่านมา ถ้าใครติดตาม จะเห็นว่าผมทำอะไรบ้าง ผมรวบรวมคนไม่รู้จักแสนกว่าคนให้มารู้จักกัน มาทำความดี มาช่วยเหลือสังคม ในนามครอบครัว ใจถึงพึ่งได้ ขอเพียงรู้จักและจะรัก เข้าใจ ในตัวผม”

วัน เท้าความถึงการอยากเป็น สส. เนื่องด้วยมีโอกาสได้ติดตาม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง (บิดา) ไปหาเสียงตั้งแต่ยังเด็กๆ จนซึมซับและกลายเป็นการปลูกฝัง และส่วนตัวมีความคิดอยากทำหน้าที่ สส.เหมือนบิดา ซึ่งเป็นความฝันสูงสุดในชีวิต ประกอบกับครอบครัวอยู่บำรุงเล่นการเมืองมา 30 กว่าปี

“ตระกูล อยู่บำรุง ทั้งประเทศรู้จักได้ เพราะคนชื่อว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และตอนนี้คุณพ่อเริ่มอายุมากขึ้น ไม่รู้ว่าจะเล่นการเมืองได้อีกกี่ครั้ง ผมไม่อยากให้ อยู่บำรุง เลือนหายไปจากวงการการเมืองไทย และยังมีคุณอา นวรัตน์ อยู่บำรุง สก.กทม. เขตหนองแขม 7 สมัย

อีกทั้ง พี่ชาย น้องชาย ไม่ชอบการเมือง มีผมที่ชอบ เพราะตามคุณพ่อไปหาเสียงตั้งแต่จำความได้ และคุณพ่อบอกเสมอว่า การเมืองไม่ใช่มรดก พ่อไม่สามารถเซ็นโอนตำแหน่ง สส. ให้ได้ ถ้าอยากได้ต้องทำเอาเอง ผมถามพ่อแล้วต้องทำยังไง พ่อบอกเพียงว่าทำอย่างไรก็ได้ ให้ได้นั่งอยู่ในหัวใจของประชาชน”

สำหรับการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาถึง วัน บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ส่วนตัวมีความพร้อมมาก รอเพียงอย่างเดียวจะได้เบอร์เมื่อไหร่ เพราะด้วยบทเรียนจากการสอบตก สส. เมื่อปี 2554 ซึ่งมุ่งหวังในใจมาตลอดว่า อย่างไรก็ต้องมีเลือกตั้งใหม่ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 7 ปี ได้ทำงานรับใช้ประชาชนในพื้นที่ตลอด ไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่ งานบวช งานแต่ง งานศพ มีอะไรให้ทำขอให้บอก ไปหมด

"เลือกข้างไปเลย อยากเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ" เปิดใจ "วัน อยู่บำรุง"

วัน เล่าด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มถึงเหตุการณ์สอบตกครั้งนั้นว่า ตอนลงสมัคร สส. เมื่อปี 2554 มารู้ตัวเพียง 3 เดือนก่อนเลือกตั้ง และก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำพื้นที่เลย พอทราบว่าได้ลงก็เริ่มทำงานบริการ อาทิ ฉีดยุง หรืออะไรเท่าที่ทำได้ และยอมรับว่าอาศัยคะแนน รวมถึงอานิสงส์จาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย

“ช่วงหาเสียงตอนปี 2554 ถูกชาวบ้านถามเหมือนกันว่า ยังเกเรอยู่ไหม บางคนพูดว่าไม่มีเลือกตั้งไม่เห็นหัวเลยนะ ผมทำได้แค่เพียงบอกว่าเพิ่งรู้ตัวครับ ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้ด้วย ช่วยรับผมไว้พิจารณา แม้กระทั่งผมเดินแจกบัตร คนยังเมินหน้าหนี แต่เดี๋ยวนี้เวลาผมไปไหนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนให้การยอมรับ มีคนรักและเข้าใจผมมากขึ้น ซึ่งตลอด 7 ปี ผมทำมาตลอดไม่มีหยุด”

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยถือว่าระบบดีมาก มีการมอนิเตอร์ รีเช็กผู้สมัครตลอดเวลาว่า เขตไหนใครทำผลงานอย่างไร ยกตัวอย่างบางเขต หากผู้สมัครทิ้งช่วงมาหลายปีไม่ทำอะไรเลย แล้ววันหนึ่งอยากกลับมาลงเขตเก่า พรรคไม่ส่ง ส่วนตัวทำมา 7 ปี มีความเคลื่อนไหวตลอด หากทิ้งพื้นที่พรรคก็ไม่ส่งเหมือนกัน แม้พ่อจะอยู่พรรคนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้

แน่นอนว่าการหาเสียงช่วงใกล้เลือกตั้งประเด็นส่วนตัวอาจถูกหยิบยกขึ้นมาโจมตี วันมองว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่จะนำเรื่องเหล่านี้มาใช้ แต่อย่าลืมว่าเด็กยุคใหม่ๆ 20 ปีให้หลัง ไม่ได้เสพข่าวเก่า ดูผลงานปัจจุบัน แม้ส่วนตัวมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งตามประสาวัยรุ่นจริง แต่มันเป็นความผิดต่อตัวบุคคล ครอบครัวไม่เคยทำความเดือดร้อนให้กับสังคมไทยส่วนรวม และทุกอย่างคดีความต่างๆ มันจบลงแล้ว

“อย่าลืมว่าทั้งคุณพ่อและอาผมไม่เคยถูกกล่าวหาว่าทุจริตคอร์รัปชั่น และไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด เมื่อก่อนคุณพ่อเป็นนักปราศรัย นักอภิปรายในสภา ดาวสภา มีบทบาทและถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะ และถ้าไปเปิดหลังคุณพ่อ เอาทิงเจอร์ไปราด ท่านไม่มีแสบ เพราะท่านไม่มีแผล แต่บังเอิญผมตอนวัยรุ่นไปเที่ยวและมีเรื่องมีราว ซึ่งผ่านไปแล้วกว่า 20 ปี

ก็เอาเรื่องนั้นมาเป็นประเด็นจนถึงทุกวันนี้ ว่าลูกเฉลิมเกเร แต่อยากบอกให้เข้าใจ ณ วันนี้ว่า คำกล่าวหาที่เคยถูกยัดเยียดจนกลายเป็นวลีเด็ดของบ้านอยู่บำรุง มึงรู้ไหมกูลูกใคร ผมขอย้ำ อาจหาญ วัน ดวง ยืนยันว่า ผมจำพ่อกับแม่ผมได้ ผมไม่ต้องถามชาวบ้านหรอก เพราะผมไม่เคยพูด”

วัน ยังได้สะท้อนถึงปัญหาพื้นที่จากการได้ลงพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้อง ซึ่งบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าปัจจุบันนั้นไม่ดี หากเมื่อเทียบกับสมัยรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และโดยเฉพาะช่วง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ บริหารประเทศ

วัน ยกตัวอย่างจากการสอบถามวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างในเขตหนองแขม เมื่อก่อนเคยขับตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. ได้วันละ 800-900 บาท ปัจจุบันขับเหมือนเดิม ได้ไม่เกินวันละ 500 บาท ซึ่งมันสะท้อนชัดเจน ขณะที่แม่ค้าตามตลาดนัดต่างตอบเป็นเสียงเดียวกัน สมัยรัฐบาล สมัคร และยิ่งลักษณ์ คนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันเยอะ

“ผมอยากให้ประชาชนกลับไปดูถึงตัวนโยบายซึ่งเป็นรูปธรรมและสามารถทำได้ ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย เศรษฐกิจมันดีขึ้น ดังนั้น จึงอยากฝากพรรคเพื่อไทยไว้ เพราะมั่นใจว่าจะมีนโยบายดีๆ ออกมา ให้ประชาชนตัดสินใจ เพราะพรรคขายนโยบาย และขายผลงานในอดีตที่เป็นรูปธรรม”

"เลือกข้างไปเลย อยากเป็นประชาธิปไตยหรือเผด็จการ" เปิดใจ "วัน อยู่บำรุง"

วัน ยังมองถึงบริบทของกฎหมายที่เปลี่ยนไปจากเดิม พร้อมยอมรับว่าทำให้นักการเมืองทำงานยากขึ้น โดยเฉพาะกฎระเบียบต่างๆ รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยซึ่งมีมากกว่าแต่ก่อน อาทิ การแบ่งเขต การติดป้ายหาเสียง ยิ่งเฉพาะเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง โดยจากการถามเพื่อน สส. ต่างจังหวัด เกี่ยวกับการแบ่งเขตนั้นกระโดดมาก

ทั้งนี้ จริงๆ แล้วบางเขตต้องติดต่อกัน ดังนั้น การหาเสียงยากมากขึ้น ทำให้ผู้สมัครบางเขตพื้นที่ทับซ้อนกันของผู้สมัครภายในพรรคเดียวกัน บางรายจำเป็นต้องออกจากพรรคเดิม เพื่อไปหาพรรคสังกัดใหม่ เหมือนเป็นการบอนไซพรรคการเมือง

วัน ให้ความเห็นต่อว่า เมื่อการเลือกตั้งเปลี่ยนกฎหมายใหม่แล้ว ก็ต้องยอมรับกติกาตรงนั้น เพราะเมื่ออยากเป็นผู้เล่นก็ต้องยอมรับสภาพ แล้วไปสู้กันตามกติกาที่มี ยกเว้นแต่ไม่อยากเป็นผู้เล่น ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก

“จากกฎหมายใหม่ที่ออกมา ผมชอบและรักคำว่าประชาธิปไตย จึงอยากฝากประชาชน ถ้ารักประชาธิปไตยเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าไม่ชอบก็เลือกพรรคอื่น ซึ่งแนวคิดนี้ไม่ได้ถือเป็นความรุนแรงอะไร แต่เป็นความชัดเจนที่ต้องนำเรื่องจริงมาพูดกัน ที่สำคัญ คือ อยากวิงวอนให้ประชาชนออกมาเยอะๆ เลือกข้างไปเลยว่า อยากเป็นประชาธิปไตย หรือเป็นเผด็จการ”

แม้กฎหมายใหม่ที่ถูกเปลี่ยนจนทำให้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นมากมายนั้น วัน มองว่าเป็นเรื่องดีและเห็นด้วย เพราะจะเป็นตัวเลือกให้ประชาชนตัดสินใจ โดยเฉพาะนโยบายพรรคไหนดีกว่า ให้ประชาชนได้เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ และถ้าให้รอบคอบเลือกทั้งคนและพรรค

สำหรับวันเลือกตั้งจะเป็นวันที่ 24 ก.พ. 2562 หรือไม่ ส่วนตัวคงตอบไม่ได้ แต่จากการได้ลงพื้นที่สัมผัสพบปะประชาชน เขาอยากเลือกตั้ง ยกตัวอย่าง อาชวิน อยู่บำรุง หรือน้องกาโม่ (บุตรชาย) อายุ 21 ปี จนอายุเกือบ 30 ปี ซึ่งเด็กรุ่นใหม่อยากเลือกตั้ง และการเลือกตั้งคราวนี้เชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมาก

“ผมไม่กังวลกับการเลือกตั้ง แต่กังวลอย่างเดียว อย่าให้บัตรเสียเหมือนรอบที่แล้ว แม้เขตในกรุงเทพฯ จะลดลงจากเดิมเหลือ 30 เขต แต่ละเขตเลือกตั้งคราวที่แล้วบัตรเสียไม่เกิน 2,000 ใบ แต่เขตบางบอน หนองแขม มีบัตรเสียสูงถึง 7,000 กว่าใบ ถือเป็นเขตเดียวที่บัตรเสียสูงสุดในกรุงเทพฯ ซึ่งผมไม่ทราบว่าเพราะอะไร”

นอกจากนี้ ส่วนตัวอยากเชิญชวนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ออกมาใช้สิทธิให้มาก เพราะการเมืองทุกวันนี้เป็นเรื่องระดับชาติ เกี่ยวข้องกับปากท้อง รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคน จึงอยากเห็นเด็กรุ่นใหม่ออกมาลงคะแนน เนื่องจากเด็กรุ่นใหม่จะต้องเติบโตถือเป็นอนาคตของชาติ และต้องมาพัฒนาประเทศต่อจากคนรุ่นเก่าๆ เพราะประเทศเป็นของทุกคน