posttoday

"เพื่อไทย"ชี้ศก.ไทยเสี่ยงจี้นายกฯขยายเวลาคุ้มครองเงินฝากธนาคาร

09 สิงหาคม 2564

ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอ“ประยุทธ์”ขยายระยะเวลาคุ้มครองเงินฝากธนาคารสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ชี้ 9 เหตุผลเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเสี่ยง รอสถานการณ์ดีขึ้นค่อยลดคุ้มครองเงินฝากลง

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ตามกำหนดการวันที่ 11 ส.ค.นี้จะมีการลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทนั้น อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้เลื่อนการลดการคุ้มครองเงินฝากนี้ไปก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่ และอาจนำไปสู่ความไม่เชื่อมั่นของสถานบันการเงิน และอาจจะมีการแห่ถอนเงินจนอาจเป็นสาเหตุทำให้สถาบันทางการเงินเสียหายและล้มละลายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อระบบสถาบันการเงินทั้งระบบ และ กระทบต่อการเงินการคลังของประเทศได้

ทั้งนี้ อยากให้ข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลได้พิจารณา 9 เหตุผลดังนี้ 1.สภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดยังคงรุนแรงมีคนเจ็บคนตายเพิ่มขึ้นตลอดและการสั่งล็อกดาวน์ 29 จังหวัด ได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจไปทั้งประเทศ อีกทั้งยังไม่มีเป้าหมายว่าจะปลดล็อกดาวน์ได้เมื่อไหร่ หากยังไม่มีวัคซีนที่มีคุณภาพเข้ามาพอเพียง และ ยังไม่สามารถกระจายการฉีดจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิดและความล้มเหลวในการบริหารจัดการของรัฐบาลจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลาหลายปี 2.การล็อกดาวน์ยาวนานจะส่งผลต่อบริษัทห้างร้านต่างๆ ให้ขาดทุนและปิดกิจการ ส่งผลทำให้เกิดหนี้เสียในภาคธนาคารจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินที่มีหนี้เสียมาก หากลดการคุ้มครอง คนอาจจะแห่ถอนเงินได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของสถานบันการเงิน 3.หนี้ภาคครัวเรือนพุ่งขึ้นสูงจะมีสัดส่วนถึง 93% ของจีดีพี โดยยังไม่มีทิศทางที่จะลดลงได้ หนี้ภาคครัวเรือนบางส่วนจะกลายเป็นหนี้เสียในภาคธนาคาร และ จะทำให้เกิดปัญหาความน่าเชื่อถือ

4.สภาวะการเงินการคลังของรัฐบาลเองก็ไม่มีความมั่นคง หนี้สาธารณะจะพุ่งเกิน 9 ล้านล้านบาท และ จะทะลุเกินเพดาน 60% ของจีดีพีในไม่ช้านี้ และที่สำคัญยังไม่มีแนวทางการหาเงินเข้าประเทศเพื่อใช้หนี้หรือลดสัดส่วนหนี้ได้แต่อย่างใด แนวโน้มหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 5. ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศว่า ใกล้หมดกระสุนที่จะประคองเศรษฐกิจแล้ว ยิ่งจะทำลายความมั่นใจของผู้ฝากเงิน 6.ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศอีกต่อไป ตามบทวิเคราะห์ของสถาบันการเงิน ดังนั้นนักลงทุนต่างประเทศไม่มาลงทุนในไทย อีกทั้ง นักลงทุนต่างประเทศในที่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ก็ขายหุ้นสุทธิในตลาดมาตลอด ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และ สื่อใหญ่ นิเคอิ เอเชีย จัด ประเทศไทยเป็นอยู่อันดับท้ายสุดที่ 120 ที่จะฟื้นตัวจากวิกฤติไวรัสโควิด 7.ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าลงอย่างมาก อ่อนค่าที่สุดในภูมิภาค จากสถานะทางการเงินการคลังของไทย และ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 8.ดุลบัญชีทางบริการของไทยติดลบจากการท่องเที่ยวของไทยที่หดหายจากการระบาดของไวรัสโควิด และล่าสุดคดีฆาตกรรมของนักท่องเที่ยวผู้หญิงชาว สวิส ได้กลายเป็นข่าวสะเทือนขวัญไปทั้งโลก กระทบต่อภาพพจน์ชื่อเสียงของประเทศไทยอย่างมาก และ 9.ความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อตัวนายกรัฐมนตรีลดลงจนถึงขั้นติดลบ จะทำให้ความเชื่อมั่นต่อประเทศ และ สถาบันการเงินลดลง ประชาชนอาจจะถอนเงินและนำเงินไปฝากหรือไปลงทุนต่างประเทศกันมากยิ่งขึ้นไปอีก

นายเลิศศักดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 9 เหตุผลหลักที่รัฐบาลควรจะพิจารณาเลื่อนการลดการคุ้มครองเงินฝากออกไปก่อน จนกว่าปัญหาการระบาดของโควิด จะคลี่คลายและความเชื่อมั่นขอประชนที่มีต่อรัฐบาล และเศรษฐกิจดีขึ้นจึงค่อยลดการคุ้มครอง เป็นการวางแผนป้องกันปัญหา ดีกว่ารอปัญหาเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ไข ซึ่งจะไม่ทันการณ์ และจะเสียหายมาก จนสถานการณ์อาจจะเลวร้ายเกินแก้ไขได้ ในขณะที่คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคไทยจะมองปัญหาล่วงหน้าและหาทางป้องกันปัญหาก่อนทุกครั้ง ถ้าจะนำประเทศผ่านวิกฤตนี้ นายกรัฐมนตรีต้องเตรียมการล่วงหน้า หากยังคงบริหารแบบเดิมๆ ก็อย่ายึดติดตำแหน่งเพื่อทำร้ายประเทศอีกเลย