posttoday

ชำแหละวิกฤตโควิด ระบบราชการอัมพาตโดนนักการเมืองครอบงำ

09 สิงหาคม 2564

ชำแหละวิกฤตโควิด รัฐซ้อนรัฐ อำนาจรวมศูนย์ ระบบราชการอัมพาตโดนนักการเมืองครอบงำ จี้แก้ รธน.ผ่าทางตัน ปฏิรูป ตำรวจ – ระบบราชการ – กระทรวงสาธารณสุข เน้นกระจายอำนาจยึดโยงประชาชน ลดเหลื่อมล้ำ

สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.)ร่วมกับคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จัดเสวนาวิชาการ ผ่านระบบ ZOOMหัวข้อ "ระบบราชการกับความล้มเหลวของรัฐในการป้องกันและจัดการปัญหา COVID 19" มีวิทยากรประกอบด้วย นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม(สป.ยธ.) นายธนชาติ ไชยทองพันธ์ กรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการปฏิรูประบบราชการ สภาผู้แทนราษฎร

ผู้นำบ้อท่าไร้แผนแม่บทสู้โควิด

นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า ระบบราชการที่ดีต้องเป็นประชาธิปไตย มิใช่ทำตัวเป็นอำมาตย์ และต้องมีหน้าที่รับใช้ประชาชนมิใช่รับใช้นักการเมืองโดยเฉพาะตำแหน่งปลัดกระทรวง จำเป็นต้องใช้หลักดุลพินิจอย่างเป็นธรรมโดยเฉพาะข้าราชการ "ตำรวจ" ต้องไม่ทำตัวเป็นศาลหรือผู้พิพากษาผ่านการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบธรรมและนำมาสู่การทุจริตคอร์รัปชัน เช่น การกำหนดค่าปรับ สั่งลงโทษ ควรให้ศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจ และ ระบบอุปถัมภ์ มิใช่ปล่อยให้ตำรวจกำหนดโทษหรือค่าปรับตามอำเภอใจ จึงกลายเป็นที่มาของ "เงินใต้โต๊ะ" หรือ "เรียกรับสินบน"

ทั้งนี้การแก้ปัญหาโควิด นายกรัฐมนตรี ต้องไม่เข้าไปแทรกแซงข้าราชการประจำ หรือ การมีแผนแม่บทในการดูแลประชาชนโดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ที่ต้องมีการบูรณาการข้อมูล ยา วัคซีน อุปกรณ์ทางการแพทย์ และการเจรจากับต่างประเทศ ควรเชิญทูตต่างประเทศ หรือ บริษัทยาเข้ามาหารือผ่านกลไกทางการทูต ทั้งที่เป็นการซื้อขายผ่านรัฐต่อรัฐ หรือวัคซีนบริจาค แต่ปัจจุบันไม่มีแผนแม่บท จึงทำให้การฉีดวัคซีนประเทศไทยล่าช้า

นอกจากนี้ไม่มีการเร่งวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทย อาทิ ฟ้าทะลายโจร ทั้งที่ประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาชั้นนำกว่า 200 แห่ง ขณะที่ส.ส.ไม่ได้ทำหน้าที่ที่เป็นประโยชน์แก่ภาคประชาชนในการดูแลสิทธิเสรีภาพ มิใช่ปล่อยให้ภาครัฐลิดรอน บังคับข่มขู่ นำกำลังเข้ามากำราบประชาชน หรือ มุ่งออกข้อกฎหมายทำลายฝั่งตรงข้ามทางการเมืองด้วยการอ้างสถานการณ์โควิด

รัฐซ้อนรัฐอำนาจรวมศูนย์ระบบราชการอัมพาต

นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประชาชนไม่มีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง ตั้งแต่รัฐธรรมนูญไม่เชื่อมโยงกับประชาชน ยุทธศาสตร์ชาติเอื้อกลุ่มทุนขนาดใหญ่ รวมถึงการใช้อำนาจทหารเข้ามามีอำนาจในตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงกระบวนการยุติธรรมหรือองค์กรอิสระ ไม่ยึดโยงประชาชนปราศจากการตรวจสอบและถ่วงดุล แต่กลับใช้อำนาจตามอำเภอใจ

ที่สำคัญอำนาจรัฐ "รวมศูนย์" ปราศจากการกระจายอำนาจท้องถิ่นจนทำให้ประชาชนระดับล่างอ่อนแอ จึงทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเชื่องช้าเป็นเต่าคลาน ยิ่งในสถานการณ์วิกฤตโควิด ทั้งการเยียวยาล่าช้า มาตรการล็อคดาวน์ไร้แผนรองรับ หรือ วัคซีน "แทงม้าตัวเดียว" ด้วยการใช้ข้อมูลปลอม จนปัจจุบันประเทศไทยยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ ยอดตัวเลขประชาชนสูญเสียสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่เศรษฐกิจพังย่อยยับประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า

ทั้งยังปล่อยให้บุคลากรด่านหน้าโดนลอยแพ สิทธิสวัสดิการค่าจ้างท่ามกลางการทำงานบนความเสี่ยงติดเชื้อโควิดปราศจากการดูแลประกันชีวิต จึงทำให้ฮีโร่ด่านหน้าเสียกำลังใจในการทำงาน ยิ่งเส้นทางการนำเข้าวัคซีนเข้ามาไม่โปร่งใส ยิ่งระบบราชการไทยถูกการเมืองครอบงำตัวข้าราชการเองก็กลัวสูญเสียตำแหน่ง ขณะที่สายบังคับบัญชาในระบบราชการยาวเหยียด ทั้งยังไม่ยึดโยงประชาชน

จึงอยากเสนอแนะให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นตัดตอน "อำนาจรัฐซ้อนรัฐ" ยิ่งการบริหารจัดการสถานการณ์โควิดล้มเหลวตั้งแต่การแยกแยะพื้นที่สีแดง เหลืองและเขียว การตรวจเชิงรุกล่าช้าขณะที่ระบบสาธารณสุขแออัดล้มเหลว รวมถึงผิดพลาดในการใช้มาตรการล็อคดาวน์ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าพังพินาศปราศจากมาตรการดูแลเยียวยาจึงทำให้เกิดปัญหาว่างงานกว่า 6 แสนคน ดังนั้นระบบราชการต้องปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อนำพาประเทศฝ่าวิกฤตการเมืองและโควิด

ถึงเวลา!ปฏิรูปตร.-กระทรวงสาธารณสุขหมดยุครัฐรวมศูนย์

พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม(สป.ยธ.) กล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ "ตำรวจ" ใช้อำนาจเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทั้งบ่อนการพนัน สถานบันเทิง หรือแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ที่เป็นต้นตอการแพร่เชื้อ เกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยปละละเลย ไม่ทำหน้าที่ และเรียกรับส่วยสินบน จึงทำให้เกิดวิกฤตโควิด ระลอกที่ 2 จากคลัสเตอร์แรงงานต่างด้าวและระลอกที่ 3 เกิดจากแหล่งสถานบันเทิง จึงควรมีการปฏิรูปตำรวจและแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นต้นเหตุของปัญหาจากการที่รัฐบาลชุดปัจจุบันใช้รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือยึดอำนาจจากประชาชน

ธนชาติ ไชยทองพันธ์ กรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร กล่าวว่า ปัญหาโควิดเกิดจาก 2 ปัญหาสำคัญ คือ 1. วิกฤตศรัทธาในตัวผู้นำ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 2.ไม่มีการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริงเพื่อบูรณาการแก้ปัญหาโควิด 3.ระบบราชการเกิดความเหลื่อมล้ำ สิ่งที่เห็นเด่นชัด คือ การจัดสรรวัคซีน หรือ การดูแลระบบสุขภาพถูกกำหนดจากส่วนกลาง จึงเสนอแนะว่าควรแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาระบบราชการที่ยังอยู่ใต้อำนาจฝ่ายการเมืองและรวมศูนย์แต่ควรให้ประชาชนหรือท้องถิ่นมีสิทธิและอำนาจในการบริหารจัดการตัวเอง

ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการปฏิรูประบบราชการ สภาฯ กล่าวว่าสิ่งที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการ คือ ขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน ผู้นำโลกด้านเทคโนโลยี ATK เร่งฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพสู้โควิด กระจายฟ้าทะลายโจร เพื่อป้องกันหรือต้านการติดเชื้อโควิด

นอกจากนี้ในวงเสวนา เสนอแนะให้รัฐบาลเร่งเยียวยาดูแลประชาชนโดยเฉพาะการกระจายหรือจัดหาวัคซีนให้ทั่วถึง แต่กลับไม่ทำ จึงเกิดคำถามว่า รัฐบาลต้องการหรือจงใจให้เป็นธุรกิจวัคซีน ขณะเดียวกันไม่สนับสนุนยาแพทย์แผนไทย "ฟ้าทะลาย" กลับไม่สนับสนุน จึงเสนอแนะให้มีการ "ปฏิรูปกระทรวงสาธารณสุข" อย่างเร่งด่วน โดยยึดแนวทางแพทย์แผนจีน มาเป็นต้นแบบ

ข่าวล่าสุด

SET รีบาวด์! จับตาส่งออกไทย-ปมกัมพูชา-การเมืองก่อนเลือกตั้ง