posttoday

เปิดวิวาทะ “มิ่งขวัญ-จุรินทร์” ปมคนไทยกินผลไม้แพง

30 พฤษภาคม 2563

ศึกอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้เดือด “มิ่งขวัญ” ซัดรมว.พาณิชย์ ทำคนไทยกินผลไม้แพงทั้งๆ ที่ราคาผลไม้ถูก “จุรินทร์” โต้กลับสร้างสมดุลตัดพ่อค้าคนกลาง

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.บรรยากาศการอภิปราย พ.ร.ก.เงินกู้ เป็นวันที่ 4เป็นไปด้วยความเข้มข้น โดยเฉพาะการอภิปรายของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ โดยระบุว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเดียวในประวัติศาสตร์ที่แจกเงินแล้วโดนด่า ทั้งชิมช้อปใช้ที่ยืมมือประชาชนเอาเงินรัฐไปให้เจ้าสัว

นอกจากนี้รวมถึงการเอางบกลางกรณีฉุกเฉิน 5แสนล้านบาทมาใช้จนหมดไปแล้ว ขอตำหนิอย่างรุนแรง ฝีมือทีมบริหารเศรษฐกิจแย่มาก ห่วยแตก ที่ใช้งบกลางหมดไปแล้ว ส่วนเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทนั้น ควรนำไปให้กระทรวงสาธารณสุข 1 แสนล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขและวัคซีน ส่วนอีก 9แสนล้านบาทที่เหลือ อย่ามุบมิบโมเม

ควรเอามาแจกประชาชนให้ทั่วถึง อย่าเหมารวมเอาการบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลวแล้วเอาเงินก้อนนี้ไปโปะสิ่งที่ทำผิดพลาดมา ถ้าทำอย่างนี้ ถามตัวเองดูแล้วกันว่าสมควรจะอยู่บนแผ่นดินนี้หรือไม่ เพราะประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ส่วนการดูแลช่วยเอสเอ็มอีทีมีอยู่ 3 ล้านราย ก็ดูแลแค่อยู่แค่ 4-5แสนราย

นายมิ่งขวัญ กล่าวด้วยว่า รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ อ้างเรื่องการส่งออกทุเรียน มังคุด ลิ้นจี่ว่าได้ราคาดี ตนเคยเป็นรองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ มาแล้ว แต่ขอบอกว่าทุเรศมาก ทำไมไม่ทำให้ปีนี้คนไทยได้กินมังคุด ทุเรียน ลิ้นจี่ดีๆราคาถูก เพราะเมื่อส่งออกไม่ได้ แต่กลับไปขายในห้างแพงๆเหมือนเดิม ดังนั้นคนกลางเสียสละสักปีไม่ได้หรือ คนไทยไม่ได้กินผลไม้ดีๆมาเป็น 10 ปีแล้ว ขอใช้คำวัยรุ่นว่า จะสะเดิร์ฟเอาผลประโยชน์ตรงนี้ไปทำไม สิ่งที่เป็นห่วงคือการเกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์คนบางคนไม่มีเงิน แต่ 4-5ปี รวยเป็นแสนล้าน รัฐบาลนี้มีอะไรแปลก ตนเคยอภิปรายว่าเศรษฐกิจโตไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฎว่าเจ้าสัวกลุ่มหนึ่งโตมหาศาล ครั้งนี้ตึงน่าจะกลัวไว้ก่อน

" ผมอยากฝากว่า เงินกู้ต้องทำให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด ถ้าเป็นได้ควรทบทวนเงินที่จะไปช่วยเหลือพัฒนาสาธารณสุข ต้องให้รางวัลนักรบที่ช่วยให้ได้ชัยชนะ งบประมาณประจำที่อยู่ในงบปกติ อย่าไปเปลี่ยนปกใหม่มายื่นขอเงินกู้ และขอให้ตั้งกรรมาธิการตรวจสอบการใช้เงินกู้ หวังว่าเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทนี้ จะไม่เปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ขอสักครั้งให้คนไทยทั้งประเทศโดยเฉพาะคนระดับกลางลงไปล่างได้ประโยชน์สูงสุด ส่วนไปตายเอาดาบหน้าจะหาเงินอย่างไร นายกฯและครม.คงจะได้ไปคิด" นายมิ่งขวัญ กล่าว

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ตอบข้ออภิปรายของ นายมิ่งขวัญ กรณีว่าทำไมจึงไม่ทำให้คนไทยได้กินทุเรียน และมะม่วงถูก แต่กลับนำไปส่งออกให้พ่อค้าคนกลางรวยว่า ภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในปัจจุบัน คือสร้างความสมดุล ระหว่างผู้บริโภคสามารถบริโภคผลไม้ราคาถูกได้ และให้เกษตรกรชาวสวนสามารถขายผลไม้ในราคาที่แพงได้ พร้อมทั้งกระจายผลไม้ไปยังตลาดทั้งในและต่างประเทศให้ได้มากที่สุด กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการทั้ง 2 ส่วน ทั้งการช่วยชาวสวนผลไม้ระบายผลไม้ในตลาดภายในประเทศ และการส่งออกเพราะลำพังตลาดภายในประเทศไม่เพียงพอที่จะรองรับผลผลิตของเกษตรกรไทยได้ ในที่สุดก็จะนำไปสู่ราคาตกต่ำเช่นเดียวกัน

กระทรวงพาณิชย์ จึงจำเป็นต้องทำทั้ง 2 ส่วน โดยมุ่งเน้นและพยายามที่จะตัดคนกลางออกไป โดยใช้ระบบออฟไลน์และออนไลน์ เข้ามาช่วย ในส่วนตลาดออฟไลน์นั้น กระทรวงพาณิชย์พยายามที่จะช่วยให้ชาวสวนผลไม้สามารถส่งผลไม้มายังตลาดขายส่ง ด้วยทางลัดที่สุด เช่น การส่งมาที่ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง และ ส่งไปยังตลาดต่างจังหวัด รวมทั้งส่งไปถึงมือผู้บริโภคโดยตรงจากเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่รวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์ รูปแบบกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ให้สามารถขายตรงถึงมือผู้บริโภคได้โดยตรง

นอกจากนั้น ยังได้สั่งการเป็นนโยบายให้พาณิชย์จังหวัด ทุกจังหวัด ดำเนินการสำรวจความต้องการผลไม้ และพืชเกษตรตัวอื่นๆ ในจังหวัดของตัวเอง แล้วให้ร่วมมือกับภาคเอกชน โดยพาณิชย์จังหวัดจะต้องทำหน้าที่เป็นเซลส์แมนจังหวัด เพื่อที่จะนำผลผลิตเกษตรและผลไม้ในจังหวัดตัวเองขายให้กับพาณิชย์จังหวัด และเอกชนในจังหวัดอื่น และจับคู่ทำสัญญาซื้อขายระหว่างกันในรูปแบบที่เรียกว่า จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) หรือ ที่เรียกว่า เคาน์เตอร์เทรด (Counter Trade) ทั้งในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนและในรูปแบบของการชำระเป็นตัวเงิน ถ้าสินค้าที่แลกเปลี่ยนกันมีส่วนเหลื่อมของราคาก็ให้ชำระส่วนต่างเป็นเงินสดได้ และเรื่องนี้ไม่ใช่แค่นโยบายหรือความฝัน

“อันนี้คือรูปแบบในการตัดคนกลางออกไป เพื่อให้สามารถซื้อขายโดยตรงระหว่างผู้ผลิต หรือเกษตรกรชาวสวน ให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง เพื่อโดยตัดขั้นตอนลงให้ได้มากที่สุด” รมว.พาณิชย์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ส่วนของตลาดออนไลน์ ก็มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า นอกจากจะส่งออกไปยังต่างประเทศแล้วก็ยังมีการทำตลาดออนไลน์ในประเทศด้วย เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคคนไทยสามารถที่จะซื้อผลไม้จากชาวสวนผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง แต่สามารถซื้อได้จากกลุ่มสหกรณ์การเกษตร กลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตผลไม้โดยตรงที่โพสขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และในช่วงที่ผ่านมาได้มีแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมากที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกลุ่มสหกรณ์ผู้ผลิตผลไม้เปิดโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าไปขายและผู้บริโภคสามารถสั่งซื้อได้โดยตรงได้ ยกตัวอย่าง เช่น ลาซาด้า Shopee JD Central Thaipostmart ของไปรษณีย์ไทย เป็นต้น

“กดหน้าจอสามารถสั่งซื้อผลไม้โดยตรงจากกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ได้ โดยไปรษณีย์ไทยจะเป็นบริษัทกลางในการที่จะดำเนินการนำผลไม้จากจุดรวมศูนย์ของกลุ่มสหกรณ์และจัดส่งให้กับท่านโดยตรง” รมว.พาณิชย์ กล่าว