posttoday

ราชทัณฑ์นำ"สรยุทธ์"จัดรายการให้ความรู้นักโทษป้องกันแหกคุก

05 เมษายน 2563

รมว.ยุติธรรมแจงนโยบายเดินหน้าลดความแออัดเรือนจำได้ พร้อมขอบคุณปลัดกระทรวง-อธิบดีกรมราชทัณฑ์ช่วยผลักดันจนเป็นรูปธรรม เผยนำ"สรยุทธ" จัดรายการตามแผนงานสร้างภูมิคุ้มกันเรือนจำ เชื่อรักษาความมั่นคงคุกได้

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงแผนงานต่างๆว่า ได้แบ่งงานภายในกระทรวงออกเป็น 3 ส่วน คือ อดีต ปัจุบัน และอนาคต โดยยึดโมเดลของ"ยุติธรรมปันสุข" คือ การเข้าถึงสิทธิมนุษยธรรม การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ในอดีตปัญหาที่ยาวนานคือเรามีผู้ต้องขังมากถึง 380,000 คน แต่เรือนจำทั่วประเทศรองรับผู้ต้องขังได้เพียง 220,000 คน ดังนั้นมีปริมาณที่เกินอยู่ถึง 160,000 คนการเป็นอยู่ในเรือนจำนั้นจึงแออัด ซึ่งเราหาแนวทางแก้ไขมาตลอด

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจุบันแนวทางการทำงานคืบหน้าในหลายด้านมีการบูรณาการ ผลักดันจนเกิดความคืบหน้าในเรื่องของกำไลอีเล็กทรอนิกส์ หรือกำไรอีเอ็ม ที่จะสามารถปล่อยผู้ต้องขังด้วยการพักโทษได้ถึง 30,000 คน รวมถึงการสร้างเรือนอนเดิมให้เป็น 2 ชั้นลดการแออัดตามเรือนจำต่างๆ ได้อีก 50,000 คน หากนับเป็นรายหัวของความแออัดจะลดได้ถึง 80,000 คน ดังนั้นส่วนที่ยังเกินในเรือนจำจะเหลือ เพียง 80,000 คน และเราจะหาหนทางต่อไปซึ่งอาจจะต้องการปรับแก้กฏหมายเข้ามาลดผู้ต้องขังตรงส่วนนี้

"ต้องขอบคุณ ทีมงานกระทรวงยุติธรรมโดยมี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงฯ ที่ตบูรณาการใช้เงิน เกลี่ยงบประมาณ เตียงสองชั้น นิติวิทยาศาสตร์ กำไลอีเอ็ม อีกทั้งพัฒนากฏหมายต่างๆ เพื่อควบคุมดูแลผู้ต้องขัง ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้นำงบประมาณ 193 ล้านบาท มาทำห้องกักโรค รวมถึง เตียงนอน 2 ชั้น ทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหางานที่กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบ" รมว.ยุติธรรมกล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากที่ได้ให้นโยบายในการทำงานเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันในเรือนจำ ลดความเครียด ให้ความรู้ผู้ต้องขังในเรื่องของเชื้อไวรัสโควิด-19 อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ก็ได้ตั้งศูนย์ขึ้นมา โดยเอานายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวผู้ต้องราชทัณฑ์มาเป็นพิธีกรจัดรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ ให้ความรู้ผู้ต้องขัง 143 แห่งทั่วประเทศ

"เวลานี้นายสรยุทธ ได้ทำรายการแล้ว ทั้งยังมีการทำคลิปวิดีโอเพลงไม่ต้องห่วงฉัน ออกมาเผยแพร่ให้ญาติผู้ต้องขัง รวมถึงสังคมสบายใจ ทุกเทปที่ทำในเวลานี้เป็นการให้ความรู้ในเรื่อง โควิด-19 ในเรือนจำ บอกเล่ามาตราการต่างๆที่กรมราชทัณฑ์ทำให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศ จะได้ไม่เข้าใจผิด จนเกิดการปลุกปั่นจนเผาเรือนจำแบบจังหวัดบุรีรัมย์ นักโทษ คดีร้ายแรง มักมีความคิดแหกคุก พยามปลุกปั่นหากเรารับมือได้ การปลุกปั่นจะไม่สามารถหลอกผู้อื่น ผมว่า อาจจะหยุดการปลุกปั่นทั้งหมดไม่ได้ เราเพียงทำให้ดีขึ้นแต่การมีศูนย์นี้จึงถือเป็นหนึ่งในการดูแลความมั่นคงในเรือนจำที่เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดจราจลที่ผ่านมา" รมว.ยุติธรรมกล่าว

รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ส่วนงานในอนาคต พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะพัฒนาแล็บของสำนักงานฯ ให้เป็นแล็ปที่ 29 ของประเทศไทยที่สามารถตรวจเชื้อโควิด-19 ได้ โดยจะสามารถตรวจผู้ต้องสงสัยหรือในกลุ่มเสี่ยงได้ง่ายโดยเพราะผู้ต้องขัง ที่มีจำนวนมาก หากพบสามารถส่งตรวจ รู้ผลใน 24 ชั่วโมง เราต้องสกัดให้ไวเพราะเวลานี้เรือนจำยังมีความแออัด งบประมาณในเรื่องของน้ำยา และอุปกรณ์ ต่างๆจะอยู่ที่ 2,200 บาทต่อเคส ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 13 เม.ย.นี้