posttoday

"อนุดิษฐ์" ถามจะปล่อย "บิ๊กตู่" ใช้ไทยเป็นหนูลองยาแก้เศรษฐกิจอีกหรือ

21 พฤศจิกายน 2562

เลขาธิการฯเพื่อไทย ถามจะปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ประเทศเป็นหนูลองยาแก้เศรษฐกิจต่อไปหรือ หลังสถานการณ์น่าห่วงมากขึ้น

เลขาธิการฯเพื่อไทย ถามจะปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ประเทศเป็นหนูลองยาแก้เศรษฐกิจต่อไปหรือ หลังสถานการณ์น่าห่วงมากขึ้น

เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย และท่าทีของรัฐบาล ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำอยู่ในขณะนี้น่าเป็นห่วงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะประชาชนที่มีรายได้ปานกลางยิ่งได้รับผลกระทบรุนแรงต่อเนื่อง ส่วนผู้มีรายได้น้อยจมดินไปนานแล้ว

หน่วยงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลออกมาเปิดเผยตัวเลขที่ถดถอยลงในทุกๆด้าน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ ทำได้เพียงร้องขอไม่ให้พูดเรื่องเศรษฐกิจแย่เพราะจะส่งผลต่อการแก้ปัญหา และขอร้องให้เชื่อมั่นรัฐบาล

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย มองว่าการแสดงออกเช่นนี้ถือเป็นท่าทีซึ่งขาดความรับผิดชอบของท่านผู้นำ เพราะการพูดในทำนองนี้คือตัวเองแก้ไม่ได้ แต่กลับยังไปโทษคนอื่นว่าไม่ช่วยทั้งๆที่ตามข้อเท็จจริง หลายฝ่ายได้เตือนมาตลอดว่า แนวทางแก้เศรษฐกิจของรัฐบาลเดินมาผิดทาง โดยเฉพาะการใช้นโยบายแจกเงิน เฉพาะหน้าให้ประชาชน ซึ่งไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม แต่รัฐบาลก็ยังดึงดันใช้แนวทางนี้ จนกระทั่งตัวเลขด้านต่างๆออกมาประจานความล้มเหลวให้เห็น

“ประเทศของเราไม่ใช่ "หนูลองยา" ที่จะให้ผู้นำที่ขาดความรู้มาทดลองแก้เศรษฐกิจ โดยเฉพาะการแจกเงินแบบคิดเอาเองว่าแจกแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น แต่วิกฤติครั้งนี้รุนแรงมากกว่าที่คิด เพราะทุกภาคส่วนขาดความเชื่อมั่นต่อเนื่องมาจากการรัฐประหารที่ต่างชาติไม่ยอมรับ จนกระทั่งมาเป็นนายกฯรอบ 2 ด้วยกลไกรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจ ดังนั้นการจะให้ต่างชาติหรือคนส่วนใหญ่เชื่อมั่น จึงเป็นไปได้ยาก”

น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมักโทษไปที่ปัญหาเศรษฐกิจโลก แต่หากย้อนไปดูประเทศเพื่อนบ้าน ตัวเลขทางเศรษฐกิจเขากลับดีกว่าเรามาก อ้าว!แล้วทำไมเขาถึงไม่เป็นแบบเรา เรื่องนี้มีคนพูดเหตุผลเอาไว้ไม่น้อย เขาบอกว่าเพื่อนบ้านเรามีผู้นำที่ทำให้คนในชาติเชื่อมั่นได้ ต่างกับของไทยที่ผู้นำขาดวิสัยทัศน์ ทำให้ประชาชนอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและขาดความเชื่อมั่นต่ออนาคตของประเทศ ทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่ใช่จ่ายหรือลงทุน เพราะเห็นฝีมือท่านผู้นำมาแล้วกว่า 5 ปี ไม่ใช่ 4 เดือนอย่างที่ฝ่ายรัฐบาลพยายามกล่าวอ้าง ดูง่ายๆอย่างเรื่องผู้ประกอบการทะยอยกันปิดโรงงาน ท่านผู้นำของเราว่าไง

“พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงตัวเลขโรงงานที่ต้องปิดตัวลงกว่า 1,000 แห่งในยุคของตัวเอง แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว และใช้วิธีการแบบเดิมๆแก้ปัญหา นั่นคือสั่งให้รัฐมนตรีลงไปดูแล ขณะที่ตัวรัฐมนตรีเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายร่วมกันที่ชัดเจน แม้กระทั่งค่าแรงขั้นต่ำที่หาเสียงเอาไว้ก็เบี้ยวผู้ใช้แรงงานหน้าตาเฉย สุดท้ายก็แก้ปัญหาแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ ด้วยการเดินตามก้นระบบราชการ”

เลขาธิการฯเพื่อไทย ระบุว่า เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะอยู่ในอำนาจต่อไปได้เรื่อยๆด้วยกลไกรัฐธรรมนูญที่ช่วยกันออกแบบมา แต่หากอยู่แล้วไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนได้ ก็น่าสงสัยว่าจะอยากอยู่ต่อไปทำไม หาก พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งอยู่เศรษฐกิจยิ่งแย่ ขอถามว่าใครจะรับผิดชอบ ถามจริงๆว่าเราจะปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ประเทศเป็นหนูลองยาแก้เศรษฐกิจต่อไปอีกหรือ