posttoday

เปิดผลโพลเชื่อมั่น"บิ๊กตู่"73.8% จี้ ทำตามนโยบายที่หาเสียง

13 กรกฎาคม 2562

ซูเปอร์โพล ชี้ รัฐบาลไม่มีเวลาฮันนีมูน ประชาชน ทวงสัญญา จี้ ทำตามนโยบายที่หาเสียง อึ้ง!! ทั้งครม. เชื่อมั่นในตัว "บิ๊กตู่" มากที่สุด 73.8 % ที่เหลือไม่ถึง 10 %

ซูเปอร์โพล ชี้ รัฐบาลไม่มีเวลาฮันนีมูน ประชาชน ทวงสัญญา จี้ ทำตามนโยบายที่หาเสียง อึ้ง!! ทั้งครม. เชื่อมั่นในตัว "บิ๊กตู่" มากที่สุด 73.8 %  ที่เหลือไม่ถึง 10 %

ซูเปอร์โพล เผยประชาชนทวงสัญญารัฐบาล ยึดนโยบายเคยหาเสียง เร่งประกันรายได้พืชผล ตามด้วยเงินเดือน ป.ตรี 2 หมื่น และค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท จี้แก้ปัญหาค่าครองชีพ ยังเชื่อมั่น "บิ๊กตู่" เหมือนเดิม
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง เสียงของประชาชน ทวงสัญญานโยบายเร่งด่วน  กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,063 ตัวอย่าง พบว่า

เมื่อถามถึงความต้องการต่อรัฐบาลทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.4 ระบุต้องการ ในขณะที่ร้อยละ 8.6 ไม่ต้องการ และเมื่อถามถึง นโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลที่ประชาชนต้องการตามที่เคยหาเสียงไว้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.3 ระบุ นโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ พืชผลทางการเกษตร เช่น ยางพารา กิโลละ 60 บาท ข้าวไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 10,000 บาท ปาล์ม 10 บาทต่อกิโลกรัม รองลงมาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.2 ระบุ จบปริญญาตรีรับขั้นต่ำ 20,000 บาทต่อเดือน ของพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 70.2 ระบุขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 – 425 บาทต่อเดือนของพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 68.4 ระบุ พักหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 5 ปี ผ่อนคืนเงินต้น 10 ปี ใช้ภาษีเงินได้หักลดยอดหนี้ได้ พรรคภูมิใจไทย

นอกจากนี้ ร้อยละ 66.2 ระบุตั้งท้องรับ 3,000 บาท ค่าคลอด 10,000 บาท ค่าดูแลลูก 2,000 บาทต่อเดือนนาน 6 ปีของพลังประชารัฐ ร้อยละ 65.4 ระบุ เพิ่มสิทธิประชาชนได้ลดค่าน้ำ 100 บาทต่อเดือน ค่าไฟฟ้า 230 บาทต่อเดือน เงินซื้อสินค้า 500 บาท พรรคพลังประชารัฐ และร้อยละ 59.1 ระบุ กัญชาเสรี ให้ประชาชนปลูกหารายได้ได้ ของ พรรคภูมิใจไทย

นอกจากนี้ ประชาชนยังเสนอให้มีแนวทางแก้ไขปัญหาที่ต้องการเห็นในนโยบายรัฐบาลเพิ่มเติมอีก พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.5 ระบุค่าครองชีพสูง รองลงมาคือ ร้อยละ 55.2 ระบุ ปัญหาทุจริต คอรัปชั่น ร้อยละ 51.4 ระบุ ความไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ ร้อยละ 49.1 ระบุ ความไม่ปลอดภัยทางถนน อุบัติเหตุ หวาดกลัวแม้ข้ามทางม้าลาย ร้อยละ 45.4 ระบุ ปัญหาคนไทย ตกงาน ถูกแย่งอาชีพ อาชีพไม่มั่นคง ร้อยละ 37.8 ระบุ อาชญากรรม ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 35.7 ระบุ ความไม่มีวินัยของคนไทย ร้อยละ 34.2 ระบุ ทัศนคติที่ไม่ดี การสร้างความเกลียดชังต่อกัน ร้อยละ 31.5 ระบุ หนี้นอกระบบ และร้อยละ 27.8 ระบุ กฎระเบียบรัฐ อุปสรรคทำมาหากิน ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึง รัฐมนตรีที่ประชาชนเชื่อมั่นมากที่สุด ตอบได้เพียงคนเดียว พบว่า อันดับที่ 1 ร้อยละ 73.8 เชื่อมั่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองลงมา อันดับที่ 2 ร้อยละ 7.1 เชื่อมั่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ อันดับที่ 3 ร้อยละ 4.8 เชื่อมั่น นายวิษณุ เครืองาม อันดับที่ 4 ร้อยละ 3.6 เชื่อมั่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล อันดับที่ 5 ร้อยละ 3.2 เชื่อมั่น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อันดับที่ 6 ร้อยละ 2.4 เชื่อมั่น นาย เทวัญ ลิปตพัลลภ อันดับที่ 7 ร้อยละ 1.2 เชื่อมั่น มรว.จตุมงคล โสณกุล และร้อยละ 3.9 เชื่อมั่นคนอื่นๆ เช่น คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช และ นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.1 ต้องการเอาผิดพรรคการเมืองตามกฎหมาย ถ้าไม่ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน ในขณะที่ร้อยละ 7.9 ไม่ต้องการ

 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลครั้งนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า หลังจากมีความชัดเจนในการตั้งรัฐบาลและได้คณะรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนต่อคณะรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สูงขึ้นในระดับที่มากพอต่อการทำงานได้ระยะหนึ่งแต่ให้เวลาพิสูจน์ผลงานไม่เกิน 1 ปีเท่านั้น จึง “ไม่มีเวลาฮันนีมูน” ที่คณะรัฐมนตรีจะเสียเวลาไปกับการฉลองตำแหน่งเพราะประชาชนส่วนใหญ่กำลังทุกข์และเดือดร้อน ทำมาหากินขัดสน

“ความสำเร็จของนักการเมืองไม่ได้อยู่ที่ว่า ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีมาด้วยความยากลำบากเพียงไร แต่อยู่ตรงที่ว่า ต่อจากนี้ไป จะสามารถทนรับการโจมตีจากฝ่ายต่าง ๆ ด้วยความยากลำบากไปได้นานแค่ไหน ถ้าทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศแท้จริง เสนอให้นิ่ง ๆ หนักแน่นมั่นคงไม่ลงไปเล่นกับเกมที่ไม่สามารถควบคุมเกมได้ หรือ ให้เปลี่ยนเกม และเข้าควบคุมเกมนั้น” ผศ.ดร.นพดล กล่าว