posttoday

ปชป.จบไม่ลง'เฉลิมชัย'เดินหน้าร่วม'บิ๊กตู่'กลุ่ม'ชวน-มาร์ค'เป็นฝ่ายค้านอิสระ

18 พฤษภาคม 2562

ประชาธิปัตย์จบไม่ลง"เฉลิมชัย"เดินหน้าร่วมรัฐบาลบิ๊กตู่ส่วนกลุ่ม"ชวน-มาร์ค"อยากเป็นฝ่ายค้านอิสระ

ประชาธิปัตย์ยังป่วน"เฉลิมชัย"เดินหน้าร่วมรัฐบาลเตรียมรายงาน'จุรินทร์'20 พ.ค.ส่วนกลุ่ม"ชวน-มาร์ค"อยากเป็นฝ่ายค้านอิสระ

แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเข้าหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาลว่า ยังมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ โดยในส่วนของ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นั้น อยากให้เข้าร่วมรัฐบาล เพราะเห็นว่า น่าจะมีประโยชน์มากกว่าที่จะไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ

ทั้งนี้ล่าสุดมีรายงานว่า นายเฉลิมชัย ได้มีการเจรจากับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แล้วเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาล และคาดว่าจะนำมาแจ้งความคืบหน้าให้ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ทราบในการประชุมหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ ในวันที่ 20 พ.ค.นี้

แหล่งข่าวกล่าวว่า นายเฉลิมชัย มีความชัดเจนในเรื่องที่อยากเข้าร่วมรัฐบาล เพราะได้เคยประกาศไว้กับผู้สนับสนุนที่จ.ประจวบคีรีขันธุ์ ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้นายเฉลิมชัย จะไปเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแล้ว แต่ยังไม่แน่ว่าคณะกรรมการบริหารพรรค จะเห็นด้วยหรือไม่ เพราะในขณะนี้ยังมีผู้ไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลอยู่มาก โดยเฉพาะ ผู้อาวุโสของพรรค ไม่ว่า จะเป็น นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รวมถึงกลุ่มนักการเมืองรุ่นใหม่ ‘New Dem’ ยังต้องการเป็นให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านอิสระ

ทั้งนี้ เพราะเห็นว่า การไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐโดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี จะยิ่งทำให้พรรคเสียหายหนักกว่าเดิม เพราะเท่ากับไม่รักษาอุดมการณ์ของพรรค ที่จะไม่สนับสนุนเรื่องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งจะทำให้เป็นจุดอ่อนของพรรคตลอดไป ขณะเดียวกันยังเห็นว่า การเข้าไปเป็นรัฐมนตรีในช่วงนี้ก็ไม่สามารถผลักดันนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ที่หาเสียงไว้ได้ เพราะกระทรวงหลักในการขับเคลื่อนนโยบายอยู่ในมือของพรรคพลังประชารัฐซึ่งเป็นพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

นอกจากนี้ยังเห็นว่าการไปร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพที่มั่นคง เพราะจะมีเสียงปริ่มน้ำ คือรวมกันแล้ว 20 พรรคมีแค่ 253 ในขณะที่ 7 พรรคที่นำโดยพรรคเพื่อไทยรวมกันอยู่ที่ 245 เสียง ต่างกันเพียง 8 เสียง ซึ่งยังไม่นับรวมผลการเลือกตั้งใหม่ที่ จ.เชียงใหม่ หากฝ่าย 7 พรรค ชนะได้มาอีก1-2 ที่นั่งรวมทั้งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็จะทำให้เสียงใกล้เคียงกันขึ้นมาอีก และในขณะเดียวกันถ้าต้องไปเป็นประธานและรองประธานสภา จะทำให้เสียงส.ส.ของรัฐบาลหายไปอีก ซึ่งถ้าจะให้ประธานและรองประธานมาร่วมโหวตให้รัฐบาลจะยิ่งเสียหายไปกันใหญ่

" เสียงก้ำกึ่งกันอย่างนี้เป็นรัฐบาลก็อยู่ยาก หากพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมก็เท่ากับว่าไปสร้างความชอบธรรมเพื่อให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯอีกครั้งเพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นจะเกิดความวุ่นวายขึ้น เพราะเสียงในสภาในเพียงพอ ฉะนั้นเป็นฝ่ายค้านอิสระดีกว่า แม้จะถูกโจมตีว่าร่วมกับพรรคเพื่อไทย แต่สามารถอธิบายต่อประชาชนได้ เพราะอยู่ที่การประกาศจุดยืนและการแสดงบทบาทในสภา ซึ่งเป็นแนวทางของพรรคมาตลอดเป็นจุดแข็งของพรรค ดีกว่าไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อเพียงแค่สนับสนุนให้บิ๊กตู่เป็นนายกฯแล้วต้องยุบสภา ซึ่งพรรคก็จะมีแต่จุดอ่อน ซึ่งทำให้ยากต่อการฟื้นฟู"แหล่งข่าวกล่าว