posttoday

เทียบนโยบายเศรษฐกิจ4พรรค ใครของจริง ใครขายฝัน ?

04 มีนาคม 2562

ไล่เรียงสารพัดนโยบายด้านเศรษฐกิจของ 4 พรรคการเมืองใหญ่ ท่ามกลางคำถามว่าจะเอาเงินจากไหนมาทำหากชนะการเลือกตั้ง

ไล่เรียงสารพัดนโยบายด้านเศรษฐกิจของ 4 พรรคการเมืองใหญ่ ท่ามกลางคำถามว่าจะเอาเงินจากไหนมาทำหากชนะการเลือกตั้ง

การหาเสียงเลือกตั้งย่างเข้าสู่เดือนสุดท้าย บรรยากาศเป็นไปด้วยความเข้มข้น แต่ละพรรคต่างอัดนโยบายลดแลกแจกแถมกันถ้วนหน้า จึงทำให้มีคำถามตามมามากมายว่านโยบายที่แต่ละพรรคนำออกมาหาเสียงนั้นจะเอาเงินมาจากไหน อย่างไร โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และอนาคตใหม่

เริ่มต้นนโยบาย พรรคเพื่อไทย ประกาศ เพิ่มราคาข้าวเปลือก ยางพารา ปรับโครงสร้าง หนี้

เพิ่มพลังเอสเอ็มอี เพิ่มธนาคารส่งเสริมขจัดอุปสรรคการส่งออก เพิ่มพลังการท่องเที่ยว ส่งเสริมแหล่งเงินทุนแก่รายย่อย สร้างธุรกิจให้ผู้ถูกเลิกจ้าง ด้วยกองทุนคนเปลี่ยนงาน

นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย เพิ่มพลัง ผู้สูงอายุ เพิ่มเบี้ยยังชีพ สร้างงาน แปลงประสบการณ์เป็นทุน ตั้งหวยออมทรัพย์ มีเงินออมพร้อมลุ้นรางวัล เพิ่มพลังสตรี เพิ่มประสิทธิภาพกองทุน สร้างอาชีพ ให้ค่าตอบแทนคณะกรรมการสตรี หมู่บ้าน 30 บาทรักษาทุกโรคยุคใหม่ และจะยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคม พัฒนาโครงข่ายอินเทอร์เน็ต คืนโรงเรียนให้ครอบครัว เรียนฟรี จริง 15 ปี ยกเลิกผู้ค้ำประกัน กยศ. โรงเรียนออนไลน์ 1 วันวิชาอนาคต

พรรคพลังประชารัฐ เริ่มที่ “มารดาประชารัฐ” ตั้งท้องจนคลอดให้เดือนละ 3,000 บาท ช่วยเลี้ยงดูถึง 6 ขวบ ให้เดือนละ 2,000 บาท นโยบายนำรถเก่ามาแลกรถยนต์ไฟฟ้า ในส่วนลด 1 แสนบาท ให้ทุกปั๊มน้ำมันมีหัวจ่าย บี20 จากที่ทุกวันนี้มีอยู่เพียง 2 ปั๊ม

พักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี แก้ปัญหาปากท้อง หนี้สินประชาชน สานต่อโครงการบ้านล้านหลัง ให้ทุกคนมีที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ แก้ปัญหาที่ดินทำกิน เร่งออกเอกสารสิทธิในที่ดินที่ประชาชนมีกรรมสิทธิ์โดยชอบ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ “เพิ่มคน เพิ่มสิทธิ” นโยบายสร้างสวนสาธารณะ 50 เขต 50 สวน สร้างเครื่องฟอกอากาศทุกเขตต่างๆ ในพื้นที่ กทม.

เทียบนโยบายเศรษฐกิจ4พรรค ใครของจริง ใครขายฝัน ?

ประชาธิปัตย์ ชู เกิดปั๊บ รับสิทธิเงินแสน เงินอุดหนุนแบบถ้วนหน้า เด็ก 0-8 ขวบ 1,000 บาท/เดือน เบี้ยผู้สูงอายุทุกคน เดือนละ 1,000 บาท ประกันรายได้แรงงาน 1.2 แสนบาท/ปี ประกันรายได้เกษตรกร ไม่แทรกแซงกลไกตลาด ปราบยาเสพติด ปะ-ฉะ-ดะ ไม่เกรงใจใคร

เบี้ยผู้ยากไร้ขั้นต่ำ 800 บาท/เดือน โอนตรงสู่บัญชี โฉนดสีฟ้า ยกระดับ ส.ป.ก. ให้ที่ดิน ส.ป.ก. สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนของรัฐ น้ำถึงทุกไร่นา จัดตั้ง “กองทุนน้ำชุมชน” เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี

ขณะเดียวกัน จะทำ Smart Bus รถเมล์ไฟฟ้าทั้งระบบ ไร้ฝุ่น มลพิษ เชื่อมต่อรถไฟฟ้าและเรือ เปลี่ยนรถเมล์ในกรุงเทพฯ เร่งรัดสายไฟทุกประเภทลงดิน ภายในปี 2565 สิทธิการเช่าแฟลตการเคหะฯ กู้เงินได้ ให้สัญญาเช่าแฟลตของการเคหะแห่งชาติเป็นเอกสารสิทธิ ที่ผู้เช่าสามารถนำมากู้ยืมเงินจากธนาคารได้

“กรณ์ จาติกวณิช” ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงว่างบประมาณที่จะใช้ในการสนับสนุนโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำของทุกปีงบประมาณ การกำหนดให้เงินอุดหนุนเด็กประถมวัยตั้งแต่อายุ 0-8 ขวบนั้น จะใช้งบประมาณสูงสุดที่ 7 หมื่นกว่าล้านบาท หรือตกปีละประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่อาหารเช้า-กลางวันฟรี ตกปีละ 2.7 หมื่นล้านบาท ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพดีทั่วประเทศ 1.5 หมื่นล้านบาท/ปี

พรรคอนาคตใหม่ ประกาศ “ไทยเท่าเทียม สวัสดิการถ้วนหน้าครบวงจร” เพิ่มสิทธิลาคลอดเป็น 180 วัน เพิ่มเงินเลี้ยงดูบุตร 0-6 ขวบเป็น 1,200 บาท เมื่อเข้าสู่วัยเรียน เด็กๆ จะต้องได้เรียนฟรีและมีคุณภาพ โดยมีเงินอุดหนุนเยาวชนอายุ 18-22 ปี จำนวน 2,000 บาท เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เพิ่มเงินยังชีพ คนชราเป็น 3 เท่า คือ 1,800 บาท/เดือน ขยายสิทธิประกันสังคมครอบคลุมแรงงานนอกระบบ เพิ่มงบประกันสุขภาพเป็น 4,000 บาท/ปี

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค บอกว่า รัฐสวัสดิการถ้วนหน้าครบวงจร ทั้งหมดนี้ใช้งบประมาณ 6.5 แสนล้านบาท โดยเงินจะนำมาจาก 1.จากของเดิมที่มีอยู่ 2.ลดงบกลาโหม 30% 3.กองทุนสวัสดิการแห่งรัฐ 4.ลดสิทธิประโยชน์ BOI 5.ลดสิทธิการลดหย่อนภาษีบางส่วน 6.ลดงบประจำและงบกลาง 7.ขึ้นภาษีที่ดิน 8.เอาหวยขึ้นมาไว้บนดิน

ทั้งหมดนี้ใครชื่นชอบนโยบายพรรคไหน อย่าลืมไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้