"อ.สุขุม" ยกภูมิใจไทยเทียบเท่าประชาธิปัตย์

"สุขุม นวลสกุล" ยกภูมิใจไทยไม่ใช่พรรคตัวแปรแต่เทียบเท่าประชาธิปัตย์ เชื่ออนาคตจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

เมื่อวันที่  23 ม.ค. นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เปิดเผยถึงความพร้อมของพรรคการเมืองในขณะนี้ว่า  พรรคภูมิใจไทยถือเป็นพรรคที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะภายหลังการที่ใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เปิดตัวผู้สมัคร สส. 500 คน และนโยบายของพรรคที่มุ่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน พร้อมประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ประกาศพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ให้ประชาชนได้รับทราบต่างจากบางพรรคยังไม่กล้าเปิดตัว

นายสุขุม กล่าวว่า งานที่สะท้อนความพร้อมของพรรคภูมิใจไทย มีเพียงพรรคใหญ่เท่านั้น ที่สามารถจัดกิจกรรมขนาดนี้ได้ เพราะต้องอาศัยการจัดการที่ดีมาก และต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากคนในพื้นที่ และกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น ซึ่งชัดเจนแล้วว่าพรรคภูมิใจไทยทุกวันนี้ (23ม.ค.) ไม่ใช่พรรคคอยสนับสนุน แต่เป็นพรรคที่พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นพรรคที่มีขนาดพอกับประชาธิปัตย์ไปแล้ว 

"นายอนุทินแม้ภาพจะเป็นนักธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช่ผู้ไร้เดียงสาทางการเมือง ทว่า มีความโดดเด่นในระดับเดียวกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และมีคุณลักษณะไม่แพ้ผู้นำคนอื่นๆในประเทศ อีกทั้ง ยังประกาศพร้อมเป็นนายกฯ และจบด้วยคำว่าหมูไม่กลัวน้ำร้อน น่าจะหมายถึงการพร้อมทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง โดยไม่สนใจคำครหา ซึ่งมันต้องโดนแน่นอน เพราะไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน มันต้องมีคนคอยวิจารณ์ ตรงนี้เป็นเรื่องที่ดี ซึ่งต้องการคนกล้าคิด กล้าทำ แต่ต้องฟังประชาชนด้วย"อดีตอธิการบดี กล่าว

ส่วนที่หลายคนบอกว่าฝันกลางวัน ฝันสูง แต่ในความเป็นจริงมีคนฝันต่ำๆ ด้วยหรือ ตรงนี้ส่วนตัวยังไม่เคยเห็น ส่วนโอกาสในการเป็นนายกฯ อาจมีโอกาสน้อยกว่าบางคน แต่ทุกคนที่อยากเป็นนายกฯ แต่หากครั้งนี้นายอนุทินไม่ถึงเป้าหมายสูงสุด ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ใช้โอกาส ทีได้มาทำประโยชน์ให้ประชาชนได้เห็น เชื่อว่าอนาคตยังมีโอกาส และจะได้รับความไว้วางใจจากประชาชนแน่นอน

สำหรับพรรคภูมิใจไทยกำลังมีกระแสและเข้าใกล้จุดพีค แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ ยังไม่รู้ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อไร และพรรคภูมิใจไทย ต้องรักษากระแสให้ประชาชนได้รับทราบความเคลื่อนไหวตลอดเวลา และบริหารกระแสให้ไปพีคพอดีช่วงเลือกตั้งได้หรือไม่ เพราะพรรคต้องคิดนโยบายใหม่มาตลอดเวลาเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน